ทางหลวงในประเทศไทย

ทางหลวงในประเทศไทย เป็นเครือข่ายของทางหลวงที่อยู่ในประเทศไทย โดยปกติมักหมายถึงทางหลวงแผ่นดินซึ่งอยู่ในความควบคุมของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ทางหลวงในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549[1] ได้แก่ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวงสัมปทาน ทั้งนี้ กรมทางหลวงรับผิดชอบดูแล 3 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน นอกจากทางหลวง 5 ประเภทดังกล่าว ยังมี ทางพิเศษ ที่รับผิดชอบในการก่อสร้างและบูรณะทางด่วนโดย การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และการดำเนินการก่อสร้างทางเฉพาะกิจของหน่วยงานต่าง ๆ

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของไทย

แก้
ป้ายบอกหมายเลขทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง

ทางหลวงพิเศษ หรือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (อังกฤษ: intercity motorway) คือ ทางหลวงที่จัดหรือทำไว้เพื่อให้การจราจรผ่านได้ตลอดรวดเร็วเป็นพิเศษ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดและได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงพิเศษโดยกรมทางหลวง เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะและบำรุงรักษา รวมทั้งควบคุมให้มีการเข้าออกได้เฉพาะ โดยทางเสริมที่เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษตามที่กรมทางหลวงจัดทำขึ้นไว้เท่านั้น อธิบดีกรมทางหลวงเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนไว้ ณ กรมทางหลวง

ทางหลวงแผ่นดิน

แก้
 
ป้ายหลายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 และป้ายชื่อถนนเพชรเกษม ที่จังหวัดราชบุรี
 
หลักกิโลเมตร

ทางหลวงแผ่นดิน เป็นเส้นทางสาธารณะสายหลักที่เป็นโครงข่ายเชื่อมระหว่างภาค จังหวัด อำเภอ ตลอดจนสถานที่ที่สำคัญ เพื่อให้การเดินทางและขนส่งเป็นไปได้สะดวกยิ่งขึ้น ผู้รับผิดชอบและดูแลโครงการคือกรมทางหลวง ในสังกัดกระทรวงคมนาคม

ในยุคสมัยเริ่มต้นของการก่อสร้างทางหลวง กรมทางหลวงนิยมใช้ชื่อของบุคคลที่มีความสำคัญในสายทางนั้นมาตั้งชื่อถนนหรือสะพาน เช่น ถนนวิภาวดีรังสิต สะพานสารสิน สะพานติณสูลานนท์ เป็นต้น ต่อมาได้มีการพัฒนาระบบโครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก การใช้ชื่ออาจจะก่อให้เกิดการสับสน และไม่สามารถทราบว่าทางสายนั้นอยู่ในตำแหน่งใด ดังนั้นจึงได้มีการนำ "ระบบหมายเลขทางหลวง" มาใช้กำกับทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน ที่อยู่ในความดูแลของกรมทางหลวง โดยหมายเลขกำกับมีความหมายบอกถึงภาคที่ตั้งของเส้นทาง แต่อาจจะมีการคาบเกี่ยวกันระหว่างภาค เนื่องจากแต่ละหน่วยงานมีการแบ่งจังหวัดในแต่ละภาคต่างกันบ้างเล็กน้อย ดังนี้

ป้ายทางหลวง การแบ่งภาค
        ทางหลวงที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 1 แสดงว่าทางสายนั้นอยู่ในภาคเหนือ และบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
        ทางหลวงที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 2 แสดงว่าทางสายนั้นอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบางส่วนของภาคเหนือ และภาคกลาง
        ทางหลวงที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 3 แสดงว่าทางสายนั้นอยู่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และบางส่วนของภาคใต้
        ทางหลวงที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 4 แสดงว่าทางสายนั้นอยู่ในภาคใต้

ซึ่งระบบหมายเลขทางหลวงดังกล่าวได้กำหนดให้ใช้ตัวเลขจำนวน 4 หลัก ในการเรียกขานอ้างอิงทางหลวง โดยได้จำแนกทางหลวงออกเป็น 4 ระดับย่อย ดังนี้

ป้ายทางหลวง ระบบหมายเลข
        ทางหลวงที่มีหมายเลขตัวเดียว หมายถึง ทางหลวงหลักที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพมหานครไปยังภูมิภาคหลักของประเทศไทย มีทั้งหมด 4 สาย ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน), ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ), ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม)
        ทางหลวงที่มีหมายเลขสองตัว หมายถึง ทางหลวงแผ่นดินสายประธานตามภาคต่าง ๆ ที่มีลักษณะโครงข่ายเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลขตัวเดียวผ่านพื้นที่สำคัญหลายจังหวัดเชื่อมต่อกันเป็นระยะทางยาวและมีลักษณะกระจายพื้นที่ให้บริการของทางหลวง จากทางหลวงแผ่นดินหมายเลขตัวเดียว ออกสู่พื้นที่ทั่วประเทศอย่างเหมาะสม
        ทางหลวงที่มีหมายเลขสามตัว หมายถึง ทางหลวงแผ่นดินสายรองประธาน ที่มีลักษณะโครงข่ายเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลขตัวเดียว หรือสองตัว เข้าสู่สถานที่สำคัญของจังหวัด หรืออาจจะไม่ผ่านพื้นที่สำคัญแต่มีลักษณะเชื่อมต่อเป็นโครงข่ายที่ดี สามารถกระจายพื้นที่ให้บริการทางหลวงออกสู่พื้นที่ย่อย หรือเป็นทางลักษณะขนานกับแนวชายแดนต่อเนื่องกันเป็นระยะทางยาว
        ทางหลวงที่มีหมายเลขสี่ตัว หมายถึง ทางหลวงแผ่นดินที่เชื่อมระหว่างจังหวัด กับอำเภอ หรือสถานที่สำคัญของจังหวัดนั้น ในลักษณะการกระจายพื้นที่ให้บริการทางหลวงออกสู่พื้นที่ย่อย แต่ไม่ได้เชื่อมต่อเป็นโครงข่ายระยะทางยาว

ทางหลวงชนบท

แก้
 
ทางหลวงชนบทในประเทศไทย

ทางหลวงชนบท คือ ทางหลวงที่กรมทางหลวงชนบทเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะ และบำรุงรักษา และได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงชนบท อธิบดีกรมทางหลวงชนบทเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนไว้ ณ กรมทางหลวงชนบท

ในการเรียกชื่อทางหลวงชนบท จะนิยมใช้หมายเลขทางหลวงแผ่นดิน หรือชื่อหมู่บ้าน หรือชื่อสถานที่สำคัญ ที่เป็นจุดเริ่มต้นโครงการและจุดสิ้นสุดโครงการในสายทางนั้นมาตั้งชื่อถนน เช่น สายแยกทางหลวงหมายเลข 314 – บ้านลาดกระบัง หรือ สายบ้านคลอง 20 – บ้านตลาดคลอง 16 เป็นต้น ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาระบบโครงข่ายทางหลวงชนบทมากขึ้น การใช้ชื่อเพียงอย่างเดียวอาจจะก่อให้เกิดการสับสน และไม่สามารถทราบว่าสายทางนั้นอยู่ในจังหวัดใด ดังนั้นจึงมีการนำรหัสสายทางเข้ามาเป็นตัวบอกถึงที่ตั้ง และลำดับของสายทาง ซึ่งรหัสสายทางของทางหลวงชนบทประกอบด้วยตัวอักษรย่อของจังหวัด 2 ตัว และตัวเลข 4 ตัว มาใช้กำกับทางหลวงชนบท โดยมีความหมายดังนี้

  • ตัวอักษรย่อ บอกถึงจังหวัดที่ตั้งของสายทางนั้น ๆ เช่น นบ. หมายถึง ทางหลวงชนบทที่อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี หรือ ชบ. หมายถึงทางหลวงชนบทที่อยู่ในเขตจังหวัดชลบุรี เป็นต้น

ระบบหมายเลข

แก้

โดยหมายเลขตัวแรกจะบอกถึงลักษณะของการเชื่อมโยงของสายทางว่าจุดเริ่มต้นสายทางของทางหลวงชนบทสายนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งมีทั้งหมด 7 หมายเลข และหมายเลขสายทางรูปแบบพิเศษ กรณีเป็นสะพานชุมชนและถนนต่อเชื่อม แต่ละหมายเลขมีความหมายดังนี้

ลักษณะป้ายทางหลวงชนบท มี 2 แบบ คือ ที่ใช้กับเขตทางหลวง (ซ้าย) และที่ใช้กับเขตทางหลวงชนบท (ขวา)
ป้ายทางหลวงชนบท ระบบหมายเลข
    สายทางที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 1 หมายถึง เริ่มต้นจากทางหลวงแผ่นดินที่มีหมายเลขตัวเดียว
    สายทางที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 2 หมายถึง เริ่มต้นจากทางหลวงแผ่นดินที่มีหมายเลขสองตัว
    สายทางที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 3 หมายถึง เริ่มต้นจากทางหลวงแผ่นดินที่มีหมายเลขสามตัว
    สายทางที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 4 หมายถึง เริ่มต้นจากทางหลวงแผ่นดินที่มีหมายเลขสี่ตัว
    สายทางที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 5 หมายถึง เริ่มต้นจากทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น หรือทางพิเศษ
    สายทางที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 6 หมายถึง เริ่มต้นจากสถานที่ เช่น โรงเรียน วัด บ้าน ตำบล อำเภอ หรือสถานที่สำคัญ
    สายทางที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 7 หมายถึง ทางหลวงชนบทที่เป็นถนนเข้าสู่โครงการพระราชดำริ
    สายทางที่เป็นหมายเลข 3 หลัก หมายถึง ทางหลวงชนบทที่เป็นสะพานชุมชนและถนนต่อเชื่อม ในความดูแลของกรมทางหลวงชนบท

ทางหลวงท้องถิ่น

แก้

ทางหลวงท้องถิ่น คือ ทางหลวงที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมถึงกรุงเทพมหานคร[2]เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะ และบำรุงรักษา และได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด ทางหลวงท้องถิ่นทั่วประเทศมีระยะทางประมาณ 352,465 กิโลเมตร มีการกำหนดรหัสสายทางเป็นตัวอักษร 3 ตัว แล้วตามด้วยตัวเลข 5 หลัก โดยมีรายละเอียด ดังนี้[3]

ลักษณะป้ายทางหลวงท้องถิ่น มี 2 แบบ คือ ป้ายแนะนำโครงการ (ซ้าย) และป้ายหมายเลขทางหลวง (ขวา)
  • ตัวอักษรย่อ ตัวอักษร 2 ตัวแรก เป็นอักษรย่อของจังหวัด ตามด้วยตัวอักษร ถ หมายถึง ถนนทางหลวงท้องถิ่น เช่น สข.ถ., สต.ถ., ปต.ถ., พท.ถ. เป็นต้น
  • หมายเลข โดยหมายเลขตัวแรก, 2 ตัวแรก หรือ 3 ตัวแรก เป็นลำดับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในจังหวัดตามบัญชีที่กรมทางหลวงชนบทกำหนดไว้ และตามด้วยตัวเลขที่เหลือซึ่งเป็นลำดับของสายทางที่ลงทะเบียนในเขต อปท. นั้นๆ

ตัวอย่างเช่น รหัสสายทาง สข.ถ 25-100 มีความหมายว่า เป็นทางหลวงท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยที่มีเทศบาลตำบลนาทวีเป็นผู้รับผิดชอบสายทางและมีลำดับสายทางที่ลงทะเบียนลำดับที่ 100

ป้ายทางหลวงท้องถิ่น ความหมาย
  ป้ายเลขทางท้องถิ่นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดดูแล
  ป้ายเลขทางท้องถิ่นโดยเทศบาลดูแล
  ป้ายเลขทางท้องถิ่นโดยองค์การบริหารส่วนตำบลดูแล

ป้ายหมายเลขทางหลวงท้องถิ่นจะบอกรหัสสายทาง ซึ่งแบ่งออกเป็นสามบรรทัด ได้แก่ บรรทัดแรกเป็นตัวอักษรย่อจังหวัด 2 ตัว ตามด้วยตัวอักษร ถ บรรทัดที่สองเป็นหมายเลข 5 ตัว และบรรทัดที่สามเป็นชื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ทางหลวงสัมปทาน

แก้
 
ทางยกระดับอุตราภิมุขเป็นทางหลวงสัมปทานแห่งเดียวในประเทศไทย

ทางหลวงสัมปทาน คือ ทางหลวงที่กรมทางหลวงได้ให้เอกชนสัมปทาน ตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงที่ได้รับสัมปทาน และได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงสัมปทาน ซึ่งอธิบดีกรมทางหลวงเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนไว้ ณ กรมทางหลวง

พระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. 2542 ได้นิยามความหมายของทางหลวงสัมปทานไว้ว่า... "ทางที่รัฐให้สัมปทานแก่บุคคลใด ๆ ในการสร้างหรือบำรุงรักษา โดยเก็บค่าใช้ทาง ไม่ว่าในระดับพื้นดิน ใต้หรือเหนือพื้นดินหรือใต้หรือเหนืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น และให้หมายความรวมถึงอุโมงค์ สะพาน เรือหรือพาหนะสำหรับขนส่งข้ามฟาก และท่าเรือสำหรับขึ้นหรือลงรถ ที่จัดไว้เพื่อประโยชน์แก่ทางหลวงสัมปทานด้วย"[4]

ในอดีตกรมทางหลวงเคยมีทางหลวงสัมปทาน 3 สาย ซึ่งหมดอายุสัมปทานไปแล้ว ได้แก่

  • สายเนินหลังเต่า–บ้านทุ่งเหียง[5] ระยะทาง 14.729 กิโลเมตร (ปัจจุบันกำหนดเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3246)
  • สายบูเก๊ะสามี–ดุซงยอ[6] ระยะทาง 15 กิโลเมตร (ปัจจุบันกำหนดเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4055)
  • ถนนสีบุญเรือง[7] สายหัวหิน–ท่าใหม่[8] ระยะทาง 13 กิโลเมตร (ปัจจุบันถ่ายโอนเป็นทางหลวงท้องถิ่น หลังเคยถูกกำหนดให้เป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3147)

ปัจจุบันกรมทางหลวงมีทางหลวงสัมปทาน 1 สาย คือ ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) เฉพาะช่วงทางยกระดับดินแดง–ดอนเมือง บนถนนวิภาวดีรังสิต

ทางหลวงสัมปทาน จะมีระบบหมายเลขทางหลวงเหมือนกับทางหลวงแผ่นดิน หรือทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง ขึ้นอยู่กับลักษณะของทางหลวงสัมปทานนั้นว่า มีลักษณะเป็นทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง

อ้างอิง

แก้
  1. พระราชบัญญัติทางหลวง เก็บถาวร 2018-11-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (ปี พ.ศ. 2535 พร้อมแก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ. 2549)
  2. "ถนนในความรับผิดชอบของสำนักการโยธาที่ขึ้นทะเบียนทางหลวงท้องถิ่น - Open Government Data of Bangkok". data.bangkok.go.th (ภาษาฝรั่งเศส).
  3. คู่มือการลงทะเบียนทางหลวงท้องถิ่น[ลิงก์เสีย]
  4. พระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. 2542
  5. "ประกาศกรมทางหลวงแผ่นดิน เรื่อง ทางหลวงสัมปทานสายบ้านตลาดทุ่งเหียน-เนินหลังเต่า ในท้องที่ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี" (PDF). ratchakitcha.soc.go.th. 14 October 1952. สืบค้นเมื่อ 13 July 2022.
  6. "ประกาศกรมทางหลวงแผ่นดิน เรื่อง ทางหลวงสัมปทานสายจากคลองบูเก๊ะสามี-ตลาดดุซงญอ-บ้านปารี ตอนระหว่างคลองบูเก๊ะสามี กับตลาดดุซงญอ ในท้องที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส" (PDF). ratchakitcha.soc.go.th. 28 December 1954. สืบค้นเมื่อ 13 July 2022.
  7. ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง ตั้งชื่อทางหลวงแผ่นดิน. เล่ม 72 ตอนที่ 27 ง, 12 เมษายน 2498. หน้า 808
  8. "จดหมายเหตุว่าด้วยเรื่อง "นายซองอ๊วน:นายซองกุ่ย:ถนนสีบุญเรือง" - กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร". www.finearts.go.th.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)

ดูเพิ่ม

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้