วัดโสมนัสราชวรวิหาร

วัดในกรุงเทพมหานคร
(เปลี่ยนทางจาก วัดโสมนัสวิหาร)

วัดโสมนัสวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้ศิลปะสถาปัตยกรรมแบบไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในอุโบสถและพระวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม มีคลองผดุงกรุงเกษมที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ขุดขึ้นแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2395 ผ่านทางด้านหน้าของพระอุโบสถ ภายในวัดมีเจดีย์ 2 องค์ เจดีย์องค์ใหญ่ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ (เจดีย์ทอง รูปทรงแบบลังกาสีทองเหลืองอร่าม ยอดแหลมสูงเด่นเป็นสง่า สามารถมองเห็นได้ไกลซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาชมความงามและกราบนมัสการกันอยู่มิได้ขาด) และยังมีเจดีย์องค์เล็กชื่อว่าเจดีย์มอญ มีรูปทรงเหมือนธัมเมกขสถูป มีลักษณะสวยงามและหาชมได้ยากเพราะเจดีย์ลักษณะนี้มีเพียง 2 องค์ในประเทศไทย คือ ที่วัดโสมนัสวิหารและที่วัดกันมาตุยาราม อีกองค์หนึ่ง

วัดโสมนัสราชวรวิหาร
แผนที่
ชื่อสามัญวัดโสมนัสวิหาร
ที่ตั้งเลขที่ 646 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100
ประเภทพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร[1]
นิกายธรรมยุติกนิกาย
พระประธานพระสัมพุทธโสมนัสวัฒนาวดีนาถบพิตร
เจ้าอาวาสสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (พิจิตร ฐิตวณฺโณ)
ความพิเศษพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระราชอุทิศสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี
เว็บไซต์www.watsomanas.com
icon สถานีย่อยพระพุทธศาสนา

ปัจจุบันมีการสร้างและปรับปรุงอาคารต่างๆ ภายในวัด อาทิเช่น ตึก 150 ปี โรงเรียนพระปริยัติธรรม (ตึกสาลักษณาลัย)[2] ซึ่งเป็นตึกเก่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมหาเสวกโท พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) เพื่อเป็นที่ระลึกแก่คุณหญิง (พึ่ง) ศรีภูริปรีชา ศาลาสำนักงานภาค ศาลาสถิต ศาลามุขหน้าวัด ตึก 80 ปีสมเด็จพระวันรัต เป็นต้น นอกจากนั้นยังมี โรงเรียนวัดโสมนัส กองการฌาปนกิจ กรมสวัสดิการทหารบก สุสานทหาร อยู่ภายในบริเวณวัด

ประวัติ

แก้

เริ่มก่อตั้งโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างพระราชอุทิศสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี เมื่อปี พ.ศ. 2396 ทรงวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถวิสุงคามสีมาอุโบสถ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2396 (จ.ศ. 1215) ครั้นสิ่งก่อสร้างสำเร็จลงบ้าง พอเป็นที่อาศัยจำพรรษาของภิกษุสามเณรได้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงอาราธนาพระอริยมุนี (ทับ พุทฺธสิริ) จากวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร พร้อมด้วยพระสงฆ์ราว 40 รูปโดยขบวนแห่ทางเรือ เสด็จมาประทับที่กุฎี ภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนตำแหน่งพระอริยมุนีเป็นพระพรหมมุนี ในปี พ.ศ. 2415 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนตำแหน่งพระพรหมมุนีเป็นพระพิมลธรรม ในปีเถาะ พ.ศ. 2422 และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระพิมลธรรมเป็นสมเด็จพระวันรัต ต่อมาสมเด็จพระวันรัตได้ก่อสร้างสิ่งที่ยังไม่แล้วเสร็จให้เสร็จสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ท่านได้สร้างและเชิญพระสัมพุทธสิริมาจากวัดราชาธิวาสคราวยกวัด เพื่อมาเป็นพระประธานภายในพระอุโบสถ และพระสัมพุทธโสมนัสวัฒนาวดีนาถบพิตร (พระประธานในวิหาร) และพระอัครสาวก เป็นของหลวงเชิญมาจากพระบรมมหาราชวัง

พระพุทธรูปสำคัญ

แก้

ลำดับเจ้าอาวาส

แก้
ลำดับที่ รายนาม[3] เริ่มวาระ สิ้นสุดวาระ
1 สมเด็จพระวันรัตน์ (ทับ พุทฺธสิริ) พ.ศ. 2399 พ.ศ. 2434
2 พระราชพงษ์ปฏิพัทธ (หม่อมราชวงศ์ล้น ญาณวโร) พ.ศ. 2434 พ.ศ. 2445
3 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ยัง เขมาภิรโต) พ.ศ. 2445 พ.ศ. 2474
4 พระพุทธวิริยากร (จันทร์ จนฺทกนฺโต) พ.ศ. 2474 พ.ศ. 2481
5 พระสิริปัญญามุนี (เยี่ยม ตทุตฺตรสิริ) พ.ศ. 2481 พ.ศ. 2489
6 สมเด็จพระวันรัต (จับ ฐิตธมฺโม) พ.ศ. 2489 พ.ศ. 2539
7 สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (พิจิตร ฐิตวณฺโณ) พ.ศ. 2539 ปัจจุบัน

ภาพ

แก้

สถานที่ใกล้เคียง

แก้

อ้างอิง

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้

13°45′38.32″N 100°30′37.85″E / 13.7606444°N 100.5105139°E / 13.7606444; 100.5105139