โกล์ (ภาพยนตร์)
โกล์ (อังกฤษ: Goal!) หรือ โกล์ เกมหยุดโลก (อังกฤษ: Goal! The Impossible Dream) เป็นภาพยนตร์ที่เข้าฉายในปี พ.ศ. 2548 กำกับโดย แดนนี แคนนอน ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอังกฤษ
| โกล์ | |
|---|---|
 โกล์! เกมหยุดโลก | |
| กำกับ | แดนนี แคนนอน |
| เขียนบท | ไมค์ เจฟเฟอรีส์ เอเดรียน บัตชาร์ต ดิก คลีเมนต์ เอียน ลา เฟรเนียส |
| อำนวยการสร้าง | ไมค์ เจฟเฟอรีส์ เมตต์ บาร์เรลล์ มาร์ค ฮัฟแฟน |
| นักแสดงนำ | คูโน เบคเกอร์ อาเลสซานโดร นิโวลา มาร์เซล อิอูเรส สตีเฟน ดิลเลน |
| ผู้จัดจำหน่าย | ทัชสโตน พิคเจอร์ส |
| วันฉาย | 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 (ไทย) |
| ความยาว | 118 นาที |
| ภาษา | อังกฤษ สเปน |
| ต่อจากนี้ | โกล์ 2 |
| ข้อมูลจาก IMDb | |
คำโปรย
แก้ทุกความฝันกำลังเริ่มต้นขึ้น
เนื้อเรื่อง
แก้เมื่อ ซานติอาโก้ มูเนซ (คูโน เบ็คเกอร์) เด็กชายชาวเม็กซิกัน ข้ามพรมแดนไปสู่สหรัฐอเมริกาตอนอายุได้ 10 ขวบ พร้อมครอบครัว เขามีข้าวของติดตัวไปเพียงสองชิ้น นั่นคือลูกฟุตบอล และรูปถ่ายศึกเวิลด์คัพที่ขาดกะรุ่งกะริ่ง ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของ ซานติอาโก้ ผู้ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างที่เขาเติบโตในลอสแอนเจลิส คือการได้เล่นฟุตบอล แต่การเกลี้ยกล่อมพ่อเขาว่าเขาสามารถเป็นนักฟุตบอลระดับนานาชาติได้นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง "ในโลกนี้มีคนสองประเภท" พ่อเขาว่าไว้ "คนในบ้านหลังใหญ่ และคนอย่างพวกเราที่ต้องตัดหญ้า และล้างรถให้พวกเขา"
แต่เมื่อ เกล็น ฟอย (สตีเฟน ดิลเลน) แมวมองซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอล ได้เห็นซานติอาโก้ในการแข่งขันท้องถิ่นของแอลเอนัดหนึ่ง เขาก็ตระหนักได้ว่า นักฟุตบอลผู้คล่องแคล่วว่องไวและกล้าหาญผู้นี้ มีพรสวรรค์ในแบบที่นิวคาสเซิล สโมสรชั้นนำของพรีเมียร์ลีกอังกฤษกำลังต้องการ
เมื่อต้องไปอยู่ต่างแดน ที่ซึ่งฟุตบอลเป็นเหมือนศาสนาหนึ่ง และสนามเซนต์เจมส์ปาร์คของนิวคาสเซิล หนุ่มน้อยชาวอเมริกันผู้นี้ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า เขามีความกึ๋นและความเก๋า พอที่จะได้เซ็นสัญญากับหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
สนามที่ชื้นแฉะ สายลมที่เหน็บหนาว การโดนกระแทกจากเพื่อนร่วมทีม อีกทั้งความเศร้าในใจ บาดแผล และความเย้ายวนต่างๆ ของชีวิตที่โด่งดัง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงอุปสรรคส่วนหนึ่ง ที่ซานติอาโก้ต้องฝ่าฟัน เพื่อมีชัยชนะในโลกที่ตื่นเต้นเร้าใจของการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ มูเนซเกือบไม่ได้เซ็นสัญญาเนื่องจากถูกมองว่าปรับตัวไม่ได้แต่ แกวิน แฮร์ริส (อาเลสซานโดร นิโวลา) ซูเปอร์สตาร์เพื่อนร่วมทีมช่วยพูดกับผู้จัดการทีมจนมูเนซเผยว่าเป็นหอบเขาจึงได้รับโอกาสให้ไปรักษาให้จนวันหนึ่งในเกมส์ก่อนนัดสุดท้ายที่พบฟูแล่มมูเนซได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวสำรองเขาโชว์ลีลาลากเลื้อยจนถูกสกัดล้มเขตโทษทำให้ได้จุดโทษซึ่งเกวิน แฮร์ริสยิงเข้าไปเป็นประตูชัยให้นิวคาสเซิ่ลชนะ 1-0 แทนที่มูเนซจะได้รับคำชื่นชมกับถูกตำหนิว่าไม่ยอมส่งบอลให้เพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าและอุปสรรคก็กลับมาเยือนเขาถูกแฮร์ริสพาไปปาร์ตี้ก่อนจะถูกสาว ๆ รุมกอดโดยเขาไม่เต็มใจพอรูปหลุดทำให้เขาถูกสอบสวนแต่เขาก็ยืนยันจะไม่เปิดเผยชื่อเพื่อนร่วมทีมที่ไปด้วยหลังจากนั้นเกล็น ฟอย ก็มาบอกข่าวว่าพ่อเขาเสียชีวิตแล้วทำให้มูเนซตัดสินใจจะกลับไปดูแลครอบครัวแทนพ่อซึ่งเท่ากับละทิ้งความฝันของตัวเองที่สนามบินเขานั่งลังเลก่อนที่จะตัดสินใจกลับมาเล่นกับทีมและได้มีโอกาสลงเป็นตัวจริงในเกมส์ตัดสินชะตาที่พบกับลิเวอร์พูลซึ่งทีมไหนชนะจะได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก นิวคาสเซิ่ลนำไปก่อนจากเกวิน แฮร์ริสก่อนที่จะถูกลิเวอร์พูลแซงขึ้นนำจากอิกอร์ บิสคานและมิลาน บารอส ก่อนที่นิวคาสเซิ่ลจะมาตีเสมอเป็น 2-2 ในช่วงท้ายเกมส์ขณะที่กำลังจะหมดหวังนิวคาสเซิ่ลได้ลูกฟรีคิก เกวิน แฮร์ริสให้มูเนซยิงซึ่งเป็นความหวังของคนทั้งเมืองก่อนที่มูเนซจะยิงเข้าไปอย่างสวยงามทำให้นิวคาสเซิ่ลชนะ 3-2 ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้า
นักแสดง
แก้เบื้องหลัง
แก้โกล์ เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ที่สร้างขึ้นมาเพื่อโปรโมตการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นที่เยอรมนี โดยได้ไปถ่ายทำถึงสนามจริงของสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ถึงประเทศอังกฤษ พร้อมด้วยนักแสดงรับเชิญที่เป็นนักฟุตบอลตัวจริงระดับซูเปอร์สตาร์หลายคน เช่น อลัน เชียเรอร์, เดวิด เบคแฮม [1]
ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จจนต้องมีการสร้างต่อในภาคที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องราวของซานติอาโก้ หรือ ซานตี้ ที่ย้ายไปค้าแข้งกับรีล มาดริด และชนะเลิศการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับ อาร์เซนอล และภาค 3 ซึ่งเป็นเรื่องราวของมูเนซ ที่ติดทีมชาติเม็กซิโกไปแข่งฟุตบอลโลก 2006
ในประเทศไทย โกล์ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 และภาคแรกนำมาฉายทางโทรทัศน์โดยช่อง 7 ในรายการหนังรอบเช้า ในวันที่ 21 มิถุนายน และภาค 2 ฉายต่อทันทีในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ กำลังแข่งขันอยู่พอดี[2]