ข้ามไปเนื้อหา

พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์
พระมหากษัตริย์กัมพูชา
ครองราชย์9 สิงหาคม 2470 – 24 เมษายน 2484
ราชาภิเษก20 กรกฎาคม 2471
ก่อนหน้าพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์
ถัดไปพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ
พระราชสมภพ27 ธันวาคม พ.ศ. 2418
พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล พนมเปญ กัมพูชา
สวรรคต24 เมษายน พ.ศ. 2484 (65 พรรษา)
สถานีเขาปูกโค จังหวัดกำปอด กัมพูชา อินโดจีนของฝรั่งเศส
ฝังพระศพอุดง จังหวัดกันดาล ประเทศกัมพูชา
พระอัครมเหสีนโรดม กานวิมาน นรลักข์เทวี (อภิเษก 2437; สิ้นพระชนม์ 2455)
พระราชบุตร7 พระองค์
พระนามเต็ม
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์มุนีวงศ์ จอมจักรพงศ หริราชปรมินทร์ภูวนัย ไกรแก้วฟ้าสุราลัย พระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี เป็นเจ้าชีวิตเหนือหัว
ราชวงศ์ราชวงศ์วรมัน
(สายราชสกุลสีสุวัตถิ์)
พระราชบิดาพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์
พระราชมารดาสมเด็จพระวรราชินี (วณ)[1]
ศาสนาศาสนาพุทธ

พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ (เขมร: ព្រះបាទស៊ីសុវត្ថិ មុនីវង្ស) เอกสารไทยเรียก สมเด็จพระศรีสวัสดิ์มณีวงศ์[2] ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 111 แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ เป็นพระราชโอรสองค์รองของ พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ (นักองสีสุวัตถิ์) กษัตริย์แห่งกัมพูชาสมัยใหม่องค์ที่ 3 พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์กษัตริย์แห่งกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2470 จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2484 ในรัชสมัยของพระองค์ กัมพูชาเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส พระองค์ถือเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายที่สืบสายราชสกุลราชสกุลสีสุวัตถิ์

พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชายุคใหม่
สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี
พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (ครั้งที่ 1)
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (ครั้งที่ 2)
พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี

พระราชประวัติ

[แก้]
พระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ ประทับตรงกลางในพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์

เสด็จพระราชสมภพเมี่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2418 ที่พนมเปญ และเสด็จสวรรคตเมี่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2484 [3] พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ เป็นพระราชโอรสองค์รองของ พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ (นักองสีสุวัตถิ์)กษัตริย์แห่งกัมพูชารัชกาลที่ 110 พระองค์ประสูติแต่พระมารดาคือ นักแม่นางวณ ภายหลังมีพระนามว่า สมเด็จพระวรราชินี (วณ) พระมเหสีที่ได้มีประสูติกาลพระราชบุตรองค์ที่ห้าของพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ ในสมัยนั้นพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร พระปิตุลาของพระองค์ทรงปกครองอาณาจักรเขมรอุดง มีเมืองหลวงที่กรุงอุดงมีชัย พระนโรดมเป็นกษัตริย์หุ่นเชิดของอาณานิคมฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2427 หลังจากที่ฝรั่งเศสพิชิตลาวและยึดครองเวียดนาม กัมพูชากลายเป็นอาณานิคมที่ฝรั่งเศสปกครองโดยตรง จากนั้นพระราชวงศ์ก็ย้ายที่ประทับจากอุดงมีชัยไปยังกรุงพนมเปญซึ่งเป็นราชธานีแห่งใหม่

พระองค์ทรงศึกษาที่โรงเรียนอาณานิคมและโรงเรียนทหารบกที่ซังแม็จซ็อง เมื่อจบการศึกษา ทรงได้รับยศเป็นร้อยตรีสังกัดกองทหารในฝรั่งเศส[4] เสด็จกลับกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. 2452 ได้เป็นผู้บัญชาการทหาร ทรงขึ้นครองราชย์เมี่อพ.ศ. 2470

ผลงาน

[แก้]

ผลงานด้านวรรณกรรมของพระองค์คือ เอกสหัสราตรี ทรงประพันธ์เป็นคำกาพย์ มีลักษณะคล้ายนิราศ เพื่อเล่าเรื่องราวที่เสด็จทอดพระเนตรเห็นในต่างประเทศ โดยเฉพาะในดินแดนอาหรับ[4]

พระชายา

[แก้]

พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ โปรดและพอพระราชหฤทัยที่จะถูกห้อมล้อมด้วยพระชายาและพระสนมจำนวนมากมาย รวมถึงนางรำด้วย โดยพระองค์มีพระสนมที่เป็นนางรำชาวไทยหนึ่งพระองค์ คือ นางสาวแพน เรืองนนท์ ภายหลังถูกตั้งเป็นเจ้าจอมสีสุวัตถิ์ อำไพพงศ์ (Chao Chom Srivasti Amphaibongse) ต่อมาเธอได้ถูกออกจากราชสำนัก โดยทางกงสุลฝรั่งเศสในไทยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ความว่า "กษัตริย์สีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ แห่งกัมพูชา ทรงไม่พอพระพระทัยและปฏิเสธข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไร้สาระจากการให้สัมภาษณ์ของบิดาของนางสาวแพน จึงทรงบัญชาให้ส่งตัวนางสาวแพนกลับกรุงเทพโดยทันที" โดยนางสาวแพนได้กลับมาในวันรุ่งขึ้น และไม่มีโอกาสได้กลับไปยังราชสำนักกัมพูชาอีกเลย[5]

กรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศสและการสวรรคต

[แก้]

หลังจากเกิดเหตุการณ์กรณีพิพาทอินโดจีนถือเป็นคราวที่กัมพูชาเสียดินแดนพระตะบอง, เสียมราฐ และศรีโสภณในปี ค.ศ. 1941 แม้ว่าฝรั่งเศสจะไม่ยอมคืนนครวัดให้แก่ไทยก็ตาม แต่ก็เทียบไม่ได้กับดินแดนขนาดใหญ่ที่สูญเสียไป[6] ด้วยเหตุนี้พระองค์ก็ทรงขัดเคืองและขมขื่นพระหฤทัยเป็นอันมาก ทรงปฏิเสธที่จะพบเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสและไม่รับสั่งภาษาฝรั่งเศสอีกเลย[7] เพราะทรงเห็นว่าฝรั่งเศสไม่สามารถปกป้องดินแดนของพระองค์ไว้ได้ จนกระทั่งทิวงคตในเดือนเมษายนปีเดียวกันนั้น มีนักประวัติศาสตร์ชาวกัมพูชาคนหนึ่งบันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ว่า "โดยเจ็บพระทัยกับการแย่งชิงของสยามนี้ พระสุขภาพต้องทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว แล้วพระบาทสีสุวัตถิ์มุนีวงศ์เสวยทิวงคต"[8]

แต่ธิบดี บัวคำศรี ให้ความเห็นว่า "ข้อที่ว่าการเสียดินแดนเป็นเหตุให้สมเด็จพระสีสุวัตถิ์ [มุนีวงศ์] ทรงตรมพระทัยถึงแก่สุรคุตนั้นจะจริงเท็จประการใดอาจไม่สำคัญเท่ากับการชี้ให้เห็นว่า ไม่เฉพาะแต่กษัตริย์เท่านั้น ชั้นแต่ไพร่ฟ้าพลเมืองก็ให้ความสำคัญต่อ "ดินแดน" ที่สูญเสียไปอย่างมาก"[9]

ปัญหารัชทายาท

[แก้]

หลังจากพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ เสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2484 ทางฝรั่งเศสได้คัดเลือกลำดับรัชทายาท 5 พระองค์ คือ สมเด็จกรมพระสีสุวัตถิ์ มุนีเรศ สมเด็จกรมพระนโรดม สุทธารส นักองเจ้านโรดม สุรามฤต พระองค์มจะ นโรดม นรินทเดช และหม่อมราชวงศ์นโรดม สีหนุ ตามลำดับ

องค์รัชทายาทลำดับแรก คือ กรมพระสีสุวัตถิ์ มุนีเรศ พระราชโอรส ไม่ได้เป็นกษัตริย์สืบต่อมา เนื่องจากวิชีฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ปกครองเขมรอยู่ในขณะนั้นคาดว่าพระองค์มีเริ่มมีแนวคิดต่อต้านเจ้าอาณานิคมตามพระราชบิดาในช่วงท้ายพระชนม์ชีพ จึงเป็นสาเหตุให้ฝรั่งเศสไม่มั่นใจในตัว กรมพระสีสุวัตถิ์ มุนีเรศ ที่เป็นพระราชโอรส ส่วนกรมพระนโรดม สุทธารสซึ่งเป็นรัชทายาทลำดับที่สอง พระองค์ทรงวางแผนประกาศเอกราชแต่ฝรั่งเศสทราบเสียก่อน พระองค์จึงถูกตัดสิทธิพระองค์ในการสืบราชสันตติวงศ์ ส่วนนักองเจ้านโรดม สุรามฤตและพระองค์เจ้านโรดม นรินทเดชก็ทรงถูกฝรั่งเศสข้ามลำดับ

ในที่สุดฝรั่งเศสจึงได้คัดเลือกให้ หม่อมราชวงศ์นโรดม สีหนุ ซึ่งเป็นพระนัดดาที่ประสูติจาก พระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์มุนีวงศ์ กุสุมะนารีรัตน์สิริวัฒนา พระราชธิดาของพระองค์และเป็นเหลนของพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร ขึ้นครองราชย์แทน เนื่องจากฝรั่งเศสเห็นว่าบังคับบัญชาง่ายกว่า ทำให้การสืบราชสันตติวงศ์กลับไปยังสายของพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร หรือ นักองราชาวดีอีกครั้งหนึ่ง[10]

พระชายาและพระราชบุตร

[แก้]
  1. สมเด็จพระอัคคมเหสี มหากษัตรี นโรดม กาญจนวิมาน นรลักขณเทวี (​សម្តេចព្រះអគ្គមហេសី​​ មហាក្សត្រី នរោត្តម កាញ្ចនវិមាន នរល័ក្ខណទេវី)
  2. หม่อมเจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ สีสุดา (​អ្នកអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ ស៊ីសុដា)
    • พระองค์เจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ สุดารังสี (ព្រះអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ សុដារង្សី)
  3. นักนางคึม หู (អ្នកម្នាង គឹម ហូ)
    • พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ มุนีชาติ (ព្រះអង្គម្ចាស់ ស៊ីសុវត្ថិ មុនីជាតិ)
  4. คุณพระนางสุวัตถิ์โฉมนรลักข์ (มาฆ) (ឃុនព្រះមែនាង សុវត្ថិឆោមនរលក្ខ័ មាឃ)
    • พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ กุสรักส์ (ព្រះអង្គម្ចាស់ ស៊ីសុវត្ថិ កុសរក្ស)
  5. คุณพระนางบุบผานรลักขบวร (เสาขน) (ឃុនព្រះម្នាង បុប្ផានរក្ខ័បវរ សៅខន)
    • พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ พงส์ดารัก (ព្រះអង្គម្ចាស់ ស៊ីសុវត្ថិ ពង្សដារ៉ាក់)
  6. คุณพระนางอนงคลักขณา (บาน เย็น) (ឃុនព្រះម្នាង អនង្គលក្ខិណា បាន យ៉េន)
    • พระองค์เจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ วงส์มุนี (ព្រះអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ វង្សមុនី)
  7. คุณพระนางบุบผานรลักข์ (ยิน ตาต) (ឃុន​ព្រះម្នាង​ ​បុប្ផា​នរល័ក្ខ​ យិន តាត)
    • พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ มุนีเกสร (ព្រះអង្គម្ចាស់ ស៊ីសុវត្ថិ មុនីកេសន)
    • พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ สามานวรพงส์ (ព្រះអង្គម្ចាស់ ស៊ីសុវត្ថិ​ សាមានវរពង្ស)
    • พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ วงส์ชีวันต์ (ព្រះអង្គម្ចាស់ ស៊ីសុវត្ថិ វង្សជីវន្ត័)
    • สมเด็จสีสุวัตถิ์ ชีวันต์มุนีรักส์ (សម្តេច ស៊ីសុវត្ថិ ជីវន្ត័​មុនីរក្ស)
  8. คุณพระนางเกสรมาลี (ณาต) (ឃុនព្រះម្នាង កេសរមាលី ណាត)
  9. คุณพระนางนารีเกสร (ยึง เตรียง) (ឃុនព្រះម្នាង នារីកេសរ យឹង ត្រយ៉ង់)
    • พระองค์เจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ รินทรมุนี (ព្រះអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ រិន្រ្ទមុនី)
    • พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ มุนีชีวัน (ព្រះអង្គម្ចាស់ ស៊ីសុវត្ថិ មុនីជីវ័ន្ត)
  10. คุณพระนางนารินทรเกตสร (อุล) (ឃុនព្រះម្នាង នារិន្រ្ទកេតសរ អុល)
    • พระองค์เจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ รัตน์มุนี (ព្រះអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ រត្នន៏មុនី)
  11. คุณพระนางบวรมาลี (พง) (អ្នកម្នាង បវរមាលី ពាង)
    • พระองค์เจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ สามันรักส์ (ព្រះអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ សាម៉ានរក្ស)
  12. คุณพระนางนารีบุบผา (ภาพ) (អ្នកម្នាង នារីបុប្ផា ភាព)
    • พระองค์เจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ สุภาพนารี (ព្រះអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ សុភាពនារី)
  13. นักนางกานีน (អ្នកម្នាង កានីន)
    • พระองค์เจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ พวงมุนี (ព្រះអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ ភួងមុនី)
  14. นักนางฉวีเกสร (สามู) (អ្នកម្នាង ឆវីកេសរ សាមូ)
    • พระองค์เจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ โลมาเกสร (ព្រះអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ លោមាកេសរ)
  15. หม่อมดวงมุนีรักส์ (อุส) (ម៉ម ឌួងមុនីរក្ស អុស)
    • พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ ดวงชีวิน (ព្រះអង្គម្ចាស់ ស៊ីសុវត្ថិ ឌួងជីវិន)
  16. พระองค์เจ้าหญิงสีสุวัตถิ์ นารีบูงา (ព្រះអង្គម្ចាស់ក្សត្រីយ៏ ស៊ីសុវត្ថិ នារីបូង៉ា)

อ้างอิง

[แก้]
  1. กรมพระดำรงราชานุภาพ, พระเจ้าบรมวงศเธอ. ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ ภาคที่ 21 เรื่องพิธีราชาภิเษกสมเด็จพระมณีวงศ พระเจ้ากรุงกัมพูชา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงแปลถอดจากภาษาเขมร. พระนคร : โสภณพิพรรฒนากร, 2472, หน้า 1
  2. คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ และสายไหม จบกลศึก (บรรณาธิการ) (2555). ราชาศัพท์ (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี. p. 17.[ลิงก์เสีย]
  3. "HM King SISOWATH MONIVONG". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-18. สืบค้นเมื่อ 2008-04-08.
  4. 4.0 4.1 บัญญัติ สาลี. วรรณกรรมเขมรปัจจุบัน. มหาสารคาม. อภิชาตการพิมพ์. 2551
  5. กษัตริย์กัมพูชา นางละครสยาม และข่าวที่ถูกห้ามเขียน
  6. ธิบดี บัวคำศรี. "พงศาวดารกัมพูชาที่แปรชำระและที่นิพนธ์เป็นภาษาไทย ระหว่าง พ.ศ. 2339-2459 กับหน้าที่ที่มีต่อชนชั้นปกครองไทย" ใน โคลนไม่ติดล้อ คนไม่ติดกรอบ. กรุงเทพฯ:ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2545. หน้า 74-81
  7. David P. Chandler. "Cambodian Palace Chronicles (rajabongsavatar). 1927-1949 : Kingship and Historiography at the End of Colonial Era" in Facing the Cambodian Past : Selected Essays 1971-1994. 2nd edition. Chiang Mai: Silkworm Book. 1996. p 194
  8. ตรึง เงีย. ประวัติศาสตร์กัมพูชา ภาค 2, หน้า 190 (เขมร)
  9. ธิบดี บัวคำศรี. ชุด "อาเซียน" ในมิติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์กัมพูชา. กรุงเทพฯ:เมืองโบราณ. 2555, หน้า 47
  10. จุลลดา ภักดีภูมินทร์, ตำนานชื่อบ้านเมือง เก็บถาวร 2004-12-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2604, ปีที่ 50, ประจำวันอังคารที่ 14 กันยายน 2547
ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ ถัดไป
พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์
พระมหากษัตริย์กัมพูชา
(ราชสกุลสีสุวัตถิ์)

(9 สิงหาคม พ.ศ. 2470 - 24 เมษายน พ.ศ. 2484)
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ