กระถินณรงค์
กระถินณรงค์ | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Fabales |
วงศ์: | Fabaceae |
สกุล: | Acacia |
สปีชีส์: | A. auriculiformis |
ชื่อทวินาม | |
Acacia auriculiformis A.Cunn. ex Benth. | |
ข้อมูลถิ่นกำเนิดจาก AVH |
กระถินณรงค์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Acacia auriculiformis ; อังกฤษ: Auri, Earleaf acacia, Earpod wattle, Northern black wattle, Papuan wattle, Tan wattle; ตอกปีซิน: akas) เป็นพืชตระกูลถั่ว มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมตามธรรมชาติในทุ่งหญ้าของประเทศปาปัวนิวกินี ไปจนถึงพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย แต่ปัจจุบันได้มีการนำไปปลูกกันทั่วโลกทั้งทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ เนื่องจากสามารถฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมได้
เป็นไม้ที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลางมีความสูง 8 เมตร ไปจนถึง 20 เมตร ดอกกระถินณรงค์ มีสีเหลืองกลิ่นหอม ออกดอกรวมกันเป็นช่อ คล้ายหางกระรอก
ในประเทศไทย ร.ท.ขุนณรงค์ชวนกิจ (ชวน ณรงคะชวนะ) เป็นผู้สั่งเข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2478 โดยนำมาปลูกในลักษณะของไม้ประดับ[2]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
แก้กระถินณรงค์เป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ขนาดกลาง – ใหญ่ สูง 10 – 30 เมตร[3] เรือนยอดทรงกลมทึบ เปลือกสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลเข้ม แตกเป็นร่องตามยาว ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เมื่อยังเล็กและเปลี่ยนรูปเป็นใบขนาดใหญ่หนา สีเขียวเข้ม เรียวยาว โค้งเป็นรูปเคียว กว้างประมาณ 1.2 – 2.5 ซม. ยาวประมาณ 7 – 15 ซม.[4] ดอกสีเหลือง มีกลิ่นหอม ออกรวมกันเป็นช่อคล้ายหางกระรอกตามง่ามใบ ดอกย่อยแต่ละดอกมีขนาดเล็กมาก ช่อหนึ่ง ๆ มี ประมาณ 70 – 100 ดอก[4] ช่อดอกจะห้อยลงข้างล่าง ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน สีเขียว ม้วนบิดเป็นวง 1 – 3 วง เมื่อแก่มีสีน้ำตาล มีเมล็ดสีน้ำตาลดำเป็นมัน 5 – 12 เมล็ด
ประโยชน์
แก้กระถินณรงค์เป็นไม้โตเร็ว นิยมปลูกเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง นอกจากการใช้เป็นพืชเบิกนำในการปลูกป่าในพื้นดินเสื่อมโทรมได้ดีแล้ว ยังใช้ตัดฟันเป็นไม้ฟืนเชื้อเพลิง ซึ่งมีการวิจัยโรงไฟฟ้าชีวมวล เพื่อใช้ไม้กระถินณรงค์เป็นเชื้อเพลิง[5] และประโยชน์อื่น ๆ เช่นเผาถ่าน ทำเฟอร์นิเจอร์ และเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษได้ด้วย
การศึกษาวิจัย
แก้สถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช ศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ไม้กระถินณรงค์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 โดยใช้วิธีการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง กระถินณรงค์ 3 สายพันธุ์ ได้แก่
- สายพันธุ์ Nort-hern territory ซึ่งมีลักษณะเด่นสามารถทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี
- สายพันธุ์ ควีนส์แลนด์ มีลักษณะลำต้นเปลาและตรง
- สายพันธุ์ ปาปัวนิวกินี มีผลผลิตมวลชีวภาพสูงที่สุด
เพื่อมุ่งหวังให้เป็นไม้โตเร็วทางเลือกใหม่แก่เกษตรกรทดแทนการปลูกยูคาลิปตัส[6]
อ้างอิง
แก้- ↑ Contu, S. (2012). "Acacia auriculiformis". IUCN Red List of Threatened Species. 2012: e.T19891902A19997222. doi:10.2305/IUCN.UK.2012.RLTS.T19891902A19997222.en.
- ↑ "กระถินลูกผสมพันธุ์ใหม่" (pdf). สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้.
- ↑ "กระถินณรงค์". ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.
- ↑ 4.0 4.1 กระถินณรงค์ ศูนย์ปฏิบัติการพืชเศรษฐกิจ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- ↑ "มทส.วิจัยโรงไฟฟ้าพลังไม้กระถิน". กรุงเทพธุรกิจ. 23 กรกฎาคม 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 กันยายน 2007.
- ↑ "กระถินณรงค์ลูกผสม ไม้โตเร็วพันธุ์ใหม่-พลังงานทางเลือก". แนวหน้า. soclaimon (ตีพิมพ์ 5 November 2010). 25 May 2007.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- กระถินณรงค์ Acacia auriculiformis Cunn., ส่วนปลูกป่าภาคเอกชน กรมป่าไม้, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 สิงหาคม 2007