ฌ็อง ลาน
จอมพลแห่งจักรวรรดิ ฌ็อง ลาน ดยุกแห่งมอนเตเบลโล เจ้าชายแห่งซีเวียร์ซ | |
---|---|
เกิด | 10 เมษายน ค.ศ. 1769 เล็กตูร์ ราชอาณาจักรฝรั่งเศส |
เสียชีวิต | 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1809 เอเบิสดอร์ฟ จักรวรรดิออสเตรีย | (40 ปี)
รับใช้ | ราชอาณาจักรฝรั่งเศส สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 1 จักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 1 |
แผนก/ | กองทัพบก |
ประจำการ | 1792–1809 |
ชั้นยศ | จอมพลแห่งจักรวรรดิ |
การยุทธ์ | |
บำเหน็จ | มหากางเขนแห่งเลฌียงดอเนอร์ |
คู่สมรส | Paulette Méric Louise Antoinette |
ลายมือชื่อ |
ฌ็อง ลาน (ฝรั่งเศส: Jean Lannes) เป็นผู้บัญชาการทหารชาวฝรั่งเศสในช่วงสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส ต่อมาได้รับยศจอมพลแห่งจักรวรรดิในช่วงสงครามนโปเลียน เขาเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่มีฝีมือที่สุดของนโปเลียน และได้รับการยกย่องโดยหลายคนว่าเขาเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ครั้งหนึ่งนโปเลียนเคยเอ่ยเกี่ยวกับลานว่า "ฉันเจอเขาตอนเป็นคนแคระ แล้วจากเขาตอนเป็นยักษ์"[1] ลานถือเป็นหนึ่งในสามจอมพลผู้ยอดเยี่ยมที่สุดของนโปเลียน ร่วมกับหลุยส์-นีกอลา ดาวู และอ็องเดร มาเซนา
จอมพลฌ็อง ลาน ได้รับฉายามากมาย ได้แก่ รอล็องแห่งกองทัพอิตาลี (Le Roland de l'armée d'Italie), อาแจ็กซ์ชาวฝรั่งเศส (l'Ajax français), อคิลลีสแห่งกองทัพใหญ่ (l'Achille de la Grande Armée) และ จอมสุรโยธิน (Le Brave des Braves)
ประวัติ
[แก้]ฌ็อง ลาน เกิดในเมืองชนบทที่ชื่อว่าเล็กตูร์ จังหวัดกัสกอญ ในภาคใต้ของฝรั่งเศส เขาเป็นบุตรชายของพ่อค้าและเจ้าของที่ดินรายย่อมนามว่า ฌ็องแน ลาน (Jeannet Lannes) ในช่วงวัยรุ่น ฌ็องได้รับการศึกษาเพียงเล็กน้อย และประกอบอาชีพเป็นช่างย้อมผ้า[1][2] แต่ด้วยความที่เขาเป็นเด็กแข็งแรงและเก่งในการกีฬาหลายอย่าง ส่งผลให้ในปี 1792 เขาได้รับคัดเลือกเป็นนายร้อยของกองพันอาสาประจำแฌร์
สงครามปฏิวัติฝรั่งเศส
[แก้]ในช่วงนั้นเกิดสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน ลานได้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้นายพลฌ็อง-อ็องตวน มาร์โบ ระหว่างการทัพพิเรนีสในปี 1793 ซึ่งในศึกนี้ เขาได้แสดงความกล้าหาญ จนสามารถพลิกจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุก ทำให้กำลังทหารสเปนต้องออกจากที่ตั้ง ลานสู้รบอีกครั้งในเปย์เรสโตเตส (Peyrestortes) จนได้เลื่อนเป็นร้อยโทในเดือนกันยายน และสู้รบอีกครั้งในบันยุลส์ (Banyuls) จนได้เลื่อนเป็นร้อยเอกในเดือนตุลาคม และได้บังคับบัญชาส่วนหน้าของกองพลน้อยของนายพลลาเตอร์ราดในปฏิบัติการที่ค่ายวีลลง (Villelongue) และได้รับการเลื่อนยศเป็นพันโท (ไม่มีชั้นยศพันตรี) ในที่สุด สเปนก็ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับฝรั่งเศสในปี 1795 ลานถือโอกาสนี้แต่งงานกับนางสาวโปเล็ต เมริค และโอนย้ายไปประจำกองทัพอิตาลี
ในปี 1796 ในการทัพอิตาลี ลานแสดงความเก่งอีกหลายครั้ง นายพลนโปเลียน โบนาปาร์ต เริ่มสังเกตเห็นความสามารถของลาน ทั้งสองจึงกลายมาเป็นเพื่อนกัน ลานทำผลงานเรื่อยมา และได้เลื่อนยศเป็นพลโทในปีนั้น (ไม่มีชั้นยศพลตรี) และต่อมา ลานในตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลได้ติดตามนโปเลียนในการทัพอียิปต์และซีเรียระหว่างปี 1798 ถึง 1799 ลานได้รับบาดเจ็บหนักในยุทธการที่แอบูฆี ซึ่งนโปเลียนมีชัยเหนือกองทัพออตโตมัน
สมัยคณะกงสุลฝรั่งเศส
[แก้]เมื่อนโปเลียนตัดสินใจกลับฝรั่งเศสในปี 1799 ลานเป็นหนึ่งในไม่กี่คนซึ่งถูกเลือกให้ตามกลับมาด้วย ลานได้บัญชาการกองพลที่ 9 และที่ 10 และมีส่วนร่วมรักษาความสงบในปารีสในช่วงที่นโปเลียนก่อรัฐประหาร 18 บรูว์แมร์ ซึ่งทำให้นโปเลียนขึ้นเป็นกงสุลเอก และแม้ว่านโปเลียนมีตำแหน่งเป็นถึงผู้นำสูงสุด นโปเลียนก็ยังให้ลานเรียกเขาอย่างเป็นกันเองว่า "นาย" แทนที่จะเรียกว่า "ท่าน" แสดงถึงมิตรภาพที่ไม่มียศตำแหน่งเกี่ยวข้อง เมื่อลานมีความคิดเห็นอะไรที่ขัดแย้งกับนโปเลียน เขาเลือกที่จะบอกนโปเลียนตามตรง ผิดกับนายพลหลายคนที่มักเลือกเงียบ
ในปี 1800 ลานได้รับความไว้ใจให้เป็นกองระวังหน้าขณะที่นโปเลียนยกทัพข้ามเทือกเขาแอลป์เข้าสู่อิตาลี ลานคุมกำลังแปดพันนาย สามารถเอาชนะกองทัพออสเตรียหนึ่งหมื่นแปดพันนายในยุทธการที่มอนเตเบลโล (Montebello) ชัยชนะครั้งนี้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้นโปเลียนได้รับชัยชนะในยุทธการที่มาเร็งโก (Marengo) ในอีกห้าวันให้หลัง ซึ่งทำให้ออสเตรียยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดในอิตาลี ลานกลับปารีสแล้วแต่งงานใหม่กับหลุยส์ อ็องตัวแนต ลูกสาวของอดีตสมาชิกวุฒิสภา
ลานได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับหน่วยคุ้มกันกงสุล (Garde des consuls) และได้รับคำสั่งให้ปรับปรุงอาวุธและค่ายของหน่วยให้ดียิ่งขึ้น ให้สมกับเป็นหน่วยที่ทรงเกียรติภูมิที่สุดในกองทัพ ลานทำตามคำสั่งอย่างดี แต่ไม่ได้ใส่ใจงบประมาณ และเมื่อนโปเลียนเห็นตัวเลขค่าใช้จ่ายก็โกรธจัด บอกให้ลานหาเงินมาชดใช้ แม้ว่าลานเป็นถึงนายพล แต่ก็ไม่เคยปล้นสดมหรือหาเงินเข้ากระเป๋าในช่วงการศึก เขาจึงไม่มีเงินพอจะชดใช้ โชคดี ลานได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนอย่างนายพลโอเฌอโรผู้ร่ำรวย ซึ่งให้ยืมเงินจำนวนดังกล่าว ลานก็พยายามชดใช้เมื่อมี เหตุการณ์นี้ทำให้นโปเลียนเริ่มวางตัวเหินห่างกับลาน
ในปี 1802 นโปเลียนแต่งตั้งให้ลานเป็นทูตประจำโปรตุเกส หลายคนมองว่านโปเลียนคงไม่ต้องการงานอีกแล้ว ลานประท้วงเพราะอยากอยูในฝรั่งเศสมากกว่า แต่ในที่สุดก็ยอมรับตำแหน่ง ลานเป็นทูตที่แหวกแนว เขาคาดดาบที่ใช้รบจริงเข้าราชสำนักโปรตุเกส แทนที่จะคาดดาบพิธีการ ลานเพิกเฉยต่อธรรมเนียมการทูตมากมาย แต่ถึงกระนั้นเขาก็มีเสน่ห์ดึงดูดผู้มีอิทธิพลได้มากมาย
จักรวรรดิฝรั่งเศส
[แก้]ในปี 1804 เมื่อนโปเลียนขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศส ลานเป็นหนึ่งในนายพลสิบแปดคนแรกที่ได้รับยศจอมพลแห่งจักรวรรดิ
ในปี 1805 ลานคุมปีกซ้ายของกองทัพใหญ่ในยุทธการที่เอาสเทอร์ลิทซ์ เขาช่วยตรึงทหารรัสเซียกลุ่มใหญ่ในบัญชาของนายพลปิออตร์ บากราตีออน เอาไว้ทางทิศเหนือ นโปเลียนจึงทำศึกทางทิศใต้อย่างหายห่วง แต่หลังจากได้รับชัยชนะ นโปเลียนกลับดูแคลนกองพลน้อยที่ 5 ของลานในบันทึกราชการศึก ว่ามีส่วนช่วยเพียงเล็กน้อยในยุทธการครั้งนี้ ทั้งที่หน่วยของลานมีบทบาทสำคัญอย่างมาก ลานโกรธจัดจึงอนุญาตให้คณะนายทหารของตนลาราชการ ทางด้านลานก็ขาดราชการโดยไม่ลา กว่าที่นโปเลียนจะรู้ตัวก็ผ่านไปหลายวัน นโปเลียนรับสั่งให้จอมพลมูว์ราไปหาลานเพื่อรั้งตัวและพูดคุยให้ใจเย็น แต่ลานไม่อยู่เสียแล้ว เขาชิงกลับปารีสเพื่ออยู่กับครอบครัว นโปเลียนไม่เคยเอาโทษลานจากเหตุการณ์นี้เลย
ในปี 1806 ลานบังคับบัญชากองพลน้อยที่ 5 ในการทัพต่อต้านพวกปรัสเซีย ลานได้รับชัยชนะในยุทธการที่ซาลเฟ็ลท์ (Saalfeld) และไล่ตามพวกปรัสเซียจนถึงเมืองเยนา ซึ่งภายหลังยุทธการเยนา ลานได้รับข้อความจากปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างโยฮัน ว็อล์ฟกัง ฟ็อน เกอเทอ ซึ่งทำจดหมายร้องขอต่อจอมพลฝรั่งเศสคนใดก็ได้ ให้ส่งทหารมาคุ้มกันห้องสมุดของเขาจากการปล้น ลานเป็นจอมพลคนเดียวที่ตอบรับคำขอ เขากับเกอเทอจึงกลายเป็นเพื่อนกัน
ปลายปี 1806 ลานรบที่พูลตุสก์ (Pułtusk) ในปรัสเซียตะวันออกและได้รับบาดเจ็บปานกลาง จึงฝากหน่วยของตนให้อยู่ในบัญชาของจอมพลซูว์แช เขาใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะหายดี จากนั้น ลานได้บังคับบัญชากองพลน้อยสำรองที่ตั้งขึ้นเป็นกองหนุนในการยึดเมืองดันท์ซิช ในช่วงการล้อมเมือง เขากับจอมพลจอมพลอูดีโนอยู่บนหลังม้า กระสุนปืนใหญ่ข้าศึกยิงโดนม้าของอูดีโน และกระเด็นโดนม้าของลานจนล้มลงทั้งคู่แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ หลังจากดันท์ซิชถูกยึด ลานถือโอกาสบ่นต่อนโปเลียน ซึ่งทรงตอบกลับว่า "ถ้าไม่ชอบใจก็กลับบ้านไป" ลานอึ้งชั่วครู่แต่แล้วก็ตอบกลับว่า "ข้าทำไม่ได้ ท่านต้องการข้าที่นี่"[3]
มิถุนายน 1807 ลานนำกำลังเข้าต่อสู้ในยุทธการที่ไฮลส์แบร์ค (Heilsberg) และจับกุมทหารรัสเซียที่กำลังร่นถอยได้ที่ฟรีดลันท์ (Friedland) เขาใช้กองพลน้อยของตนเองเป็นเหยื่อล่อ ล่อลวงให้แม่ทัพรัสเซียทำการรบ และสามารถตรึงแนวรบไว้ได้จนกระทั่งกองทัพใหญ่ที่เหลือมาเสริมและทำลายกองทัพรัสเซีย
เสียชีวิต
[แก้]22 พฤษภาคม 1809 ในวันที่สองของยุทธการที่อัสแพร์น-เอ็สลิง ขณะที่ลานกำลังยืนสนทนากับนายพลปีแยร์ ปูเซ ก็มีลูกกระสุนปืนใหญ่พุ่งใส่ร่างของปูเซเสียชีวิตคาที่ ร่างของลานเต็มไปด้วยคราบเลือดของปูเซ ลานเดินไปจุดอื่นเพื่อหาที่สงบสติอารมณ์ ขณะที่ลานกำลังนั่งก้มหน้าโดยเอามือทั้งสองข้างปิดใบหน้าอยู่นั้น ก็มีลูกกระสุนปืนใหญ่พุ่งเข้าบริเวณเข่าขวาของลาน ลานถูกนำตัวส่งหน่วยแพทย์และถูกตัดขาขวา นโปเลียนรีบมาเยี่ยมเขาและคุกเข่าน้ำตาไหลอยู่ข้างเปลสนาม ลานถูกส่งตัวทางเรือไปยังบ้านพักใหญ่นอกกรุงเวียนนา และเสียชีวิตในอีกแปดวันถัดมาในวันที่ 31 พฤษภาคม
ในช่วงที่นโปเลียนถูกกักบริเวณอยู่ที่เกาะเซนต์เฮเลนา นโปเลียนเคยคร่ำครวญคิดว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรถ้าลานไม่ตาย ทรงเขียนบันทึกว่า "ข้าไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะออกนอกทางแห่งหน้าที่และเกียรติยศ ถ้าเขายังอยู่ดี เขาคงจะเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนทิศทางของเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตัวตนและอิทธิพลของเขา"[4]
ครอบครัว
[แก้]ลานแต่งงานครั้งแรกกับโปเล็ต เมริค ในวันที่ 19 มีนาคม 1795 ต่อมาลานขอหย่า เพราะนางท้องขณะที่ลานยังติดพันการศึกอยู่ในอียิปต์ ลานแต่งงานครั้งสองกับหลุยส์ อองตัวแนต ในวันที่ 16 กันยายน 1800 มีบุตรด้วยกันห้าคน
- หลุยส์ นโปเลียน ลาน (Louis Napoléon Lannes)
- อัลเฟรด-ฌ็อง ลาน (Alfred-Jean Lannes)
- ฌ็อง-เอินสท์ ลาน (Jean-Ernest Lannes)
- กุสตาฟ-ออลีวีเย ลาน (Gustave-Olivier Lannes)
- โฌเซฟีน-หลุยส์ ลาน (Josephine-Louise Lannes)
อ้างอิง
[แก้]- จอมพลชาวฝรั่งเศส
- ทหารชาวฝรั่งเศส
- บุคคลในคริสต์ศตวรรษที่ 18
- บุคคลในคริสต์ศตวรรษที่ 19
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2312
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2352
- บุคคลในสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส
- ทหารในสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส
- บุคคลในสงครามนโปเลียนชาวฝรั่งเศส
- ทหารในสงครามนโปเลียน
- ผู้นำในสงครามนโปเลียน
- นักการทหารชาวฝรั่งเศส
- ผู้ได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์
- บุคคลจากจังหวัดแฌร์
- เสียชีวิตในสงคราม
- บทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์