ลิงซิลเวอร์สปริงส์
หนึ่งในลิงแห่งซิลเวอร์สปริงส์ที่ชื่อโดมิเตียน ในหนึ่งในรูปซึ่งพีตาเผยแพร่สู่หนังสือพิมพ์[1] | |
วันที่ | พฤษภาคม พ.ศ. 2524 |
---|---|
ที่ตั้ง | สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ เมืองซิลเวอร์สปริงส์ ในรัฐแมริแลนด์, สหรัฐ |
ผู้รายงานคนแรก | เดอะวอชิงตันโพสต์ |
ผู้เข้าร่วม | เอ็ดเวิร์ด ทับ, อเล็กซ์ ปาเชโก (นักเคลื่อนไหว), อินกริด นิวคิร์ก, พีตา |
ผล | การก้าวหน้าทางงานวิจัยด้านความยืดหยุ่นของสมองและการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง; ครั้งแรกที่ตำรวจเข้าบุกค้นห้องทดลองในสหรัฐ; ครั้งแรกที่นักวิจัยชาวสหรัฐถูกฟ้องในข้อหาทารุณกรรมสัตว์; เกิดการริเริ่มกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ค.ศ. 1985; รายงานการสร้างกรงขังจากกลุ่มปลดปล่อยสัตว์ (Animal Liberation Front) ในอเมริกาเหนือเป็นครั้งแรก |
เสียชีวิต | ลิงแสม 17 ตัว |
ข้อหา | เอ็ดเวิร์ด ทับถูกฟ้อง 17 ข้อหาเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์และ 6 ข้อหาเกี่ยวกับการเพิกเฉยต่อการรักษาสัตว์ |
จำนวนถูกพิพากษาลงโทษ | ทับถูกพิพากษาลงโทษใน 6 ข้อหาซึ่งกลับคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ |
ลิงแห่งซิลเวอร์สปริงส์ (อังกฤษ: Silver Spring monkeys) คือ ลิงมาคาก 17 ตัวจากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งถูกเก็บไว้ ณ สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ที่เมืองซิลเวอร์สปริงส์ ในรัฐแมริแลนด์[2] ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ถึง พ.ศ. 2534 นักเขียนผู้หนึ่งกล่าวถึงพวกมันว่าเป็นสัตว์ทดลองซึ่งโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ จากการปะทะกันระหว่างนักวิจัยสัตว์ ผู้สนับสนุนสิทธิสัตว์ นักการเมือง และศาล ในการตัดสินว่าจะใช้พวกมันในงานวิจัย หรือปล่อยพวกมันไปยังศูนย์อนุรักษ์สัตว์ เหล่าลิงเป็นที่รู้จักในวงการวิทยาศาสตร์จากการทดลองด้านความยืดหยุ่นของสมอง (neuroplasticity) หรือความสามารถในการจัดเรียงใหม่ของสมองของไพรเมตซึ่งโตเต็มวัย[3]
เหล่าลิงถูกนักจิตวิทยาชื่อว่า เอ็ดเวิร์ด ทับ (Edward Taub) ใช้เป็นสัตว์ทดลอง เขาได้ตัดปมประสาทรากหลัง ซึ่งเป็นตัวส่งความรู้สึกต่อการสัมผัสจากแขนหรือขาไปยังสมองของของลิงเหล่านั้น จากนั้นจึงใช้อุปกรณ์พยุงแขนเพื่อยึดแขนที่ใช้การได้ หรือแขนที่ถูกทำให้ไรความรู้สึก[4] เพื่อฝึกให้พวกมันใช้แขนซึ่งไม่มีความรู้สึก ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2524 อเล็กซ์ ปาเชโก (Alex Pacheco) จากพีตา (PETA) ได้เริ่มแฝงตัวเข้าทำงานในห้องทดลอง และแจ้งตำรวจด้วยสภาพความเป็นอยู่ของเหล่าลิงที่ไม่ได้มาตรฐาน[5] ในการบุกเข้าจับกุมครั้งแรกของตำรวจ ลิงทั้ง 17 ตัวได้ถูกยึด และทับได้ถูกจับในข้อหาทารุณกรรมสัตว์และการเพิกเฉยต่อการรักษาสัตว์ เขาตกอยู่ภายใต้ 6 ข้อหา โดย 5 ข้อหาถูกยกฟ้องในการพิจารณาคดีครั้งที่สองในศาล ส่วนการพิพากษาครั้งสุดทายถูกยกฟ้องในการอุทธรณ์เมื่อ พ.ศ. 2526 เมื่อศาลตัดสินว่ากฎหมายเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์ไม่สามารถนำไปใช้กับห้องทดลองซึ่งได้รับทุนจากรัฐบาลกลางได้[2]
การต่อสู้ในศาลเพื่ออำนาจปกครองเหล่าลิงทำให้เกิด ทั้งการรณรงค์เพื่อให้ปล่อยพวกมันโดยบุคคลผู้มีชื่อเสียงและนักการเมือง การแปรญัตติของการคุ้มครองสวัสดิภาพของสัตว์ใน พ.ศ. 2528 การเปลี่ยนแปลงของพีตาจากเพียงกลุ่มเพื่อนเป็นขบวนการระดับชาติ การสร้างกรงขังของหน่วย North American Animal Liberation Front และยังเป็นคดีเกี่ยวกับงานวิจัยสัตว์คดีแรกที่ได้ไปถึงศาลสูงสุดของสหรัฐ[6] ในกรกฎาคม พ.ศ. 2534 คำร้องของพีตาเพื่ออำนาจปกครองเหล่าลิงถูกศาลสูงสุดปฏิเสธ จากนั้นไม่กี่วันลิงตัวสุดท้ายก็ถูกสังหาร
หลังเหล่าลิงถูกชำแหละ นักวิจัยได้พบการเรียงตัวของใหม่ของคอร์เทกซ์ (cortical remapping) แสดงเป็นนัยว่าการถูกบังคับให้แขนซึ่งไม่ได้รับประสาทสัมผัสนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของการเรียงตัวในสมองของพวกมัน[7] นับเป็นหลักฐานของความยืดหยุ่นของสมองซึ่งขัดกับความเชื่อที่ว่าสมองของผู้ใหญ่ไม่สามารถเรียงตัวใหม่เพื่อตอบโต้กับสิ่งแวดล้อมได้[8] หลังถูกขู่ฆ่าและไม่สามารถหาตำแหน่งในงานวิจัยเป็นเวลาถึงห้าปี ทับก็ได้รับข้อเสนอทุนจากมหาลัยอลาบาม่า และได้พัฒนาการรักษารูปแบบใหม่สำหรับผู้พิการจากความเสียหายของสมอง ที่ชื่อว่า constraint-induced movement therapy หรือ CIMT บนฐานของความยืดหยุ่นของสมอง การรักษานี้ได้ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองให้กลับมาใช้แขนหรือขาได้อีกครั้ง หลังเป็นอัมพาตมาหลายปี และยังได้รับการยกย่องจาก American Stroke Association ให้เป็นการปฏิวัติระดับแนวหน้า[9]
ภูมิหลัง
[แก้]เอ็ดเวิร์ด ทับ
[แก้]เอ็ดเวิร์ด ทับ (เกิดเมื่อ พ.ศ. 2474) เป็นนักประสาทวิทยาศาสตร์เชิงพฤติกรรมซึ่งขณะนี้ทำงานอยู่ที่ มหาวิทยาลัยของอลาบาม่า ณ เบอร์มิงแฮม (University of Alabama at Birmingham) เขาเริ่มสนใจด้านพฤติกรรมนิยมขณะศึกษาวิชาปรัชญาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และได้ศึกษาต่อภายใต้ความดูแลของจิตวิทยาการทดลอง เฟรด เคลเลอร์ และ วิลเลี่ยม เอ็น ชอเอ็นเฟลด์ เขารับทำงานในฐานะผู้ช่วยนักวิจัยในห้องปฏิบัติการด้านประสาทวิทยา เพื่อจะเข้าใจระบบประสาทมากยิ่งขึ้น และได้มีส่วนร่วมในการทดลองการตัดเส้นประสาทรับความรู้สึกในลิง
เส้นประสาทรับความรู้สึก (afferent nerve) คือ เส้นประสาทซึ่งส่งกระแสประสาทจากผิวหนังและอวัยวะรับสัมผัสอื่น ๆ ไปยังไขสันหลังและสมอง การตัดเส้นประสาทรับความรู้สึก (Deafferentation) เป็นการผ่าตัดโดยการเปิดไขสันหลังออกเพื่อตัดเส้นประสาทรับความรู้สึก ทำให้กระแสประสาทส่งไปไม่ถึงสมอง ลิงที่ถูกตัดเส้นประสาทรับความรู้สึกของแขนหรือขา จะไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสได้ว่าแขนหรือขาของตนอยู่ในตำแหน่งไหน ทับได้พูดต่อศาลในการพิจารณาคดีเมื่อ พ.ศ. 2524 ว่าเป็นอันยากที่จะดูแลเหล่าลิงซึ่งถูกตัดเส้นประสาทรับความรู้สึกเนื่องจากพวกมันเห็นแขนหรือขาที่ถูกตัดเส้นประสาทเป็นดั่งวัตถุแปลกปลอม และมักพยายามกัดมันออก[10] ทับยังคงทำงานกับเหล่าลิงที่ถูกตัดเส้นประสาทที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กจนจบปริญญาเอก เมื่อพ.ศ. 2513[2] เขาได้ทำการทดลองหลายอย่างเกี่ยวกับการตัดเส้นประสาทด้วยความเชื่อว่ามันเป็นการวิจัยบริสุทธิ์ เขาตัดเส้นประสาทรับความรู้สึกของลิงทั้งตัว เพื่อให้พวกมันไม่สามารถรู้สึกถึงทุกส่วนของร่างกาย โดยการนำตัวอ่อนของลิงออกมาจากมดลูก ก่อนจะตัดเส้นประสาท และใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปยังมดลูก เพื่อให้ลิงเกิดมาโดยไม่รู้สึกถึงร่างกายตนเอง
เมื่อสมัยทับเริ่มงานวิจัยของเขาในห้องทดลองประสาทวิทยา ผู้คนเชื่อว่าลิงจะไม่สามารถใช้แขนหรือขาที่พวกมันไม่มีความรู้สึกได้ นอร์แมน ดอยดจ์เขียนว่า ทับสงสัยว่าที่ลิงไม่ใช่แขนหรือขาที่ไร้ความรู้สึกนั้นเป็นเพียงเพราะพวกมันยังสามารถใช้แขนที่ยังใช้การได้หรือเปล่า เขาทดสอบความคิดของเขาด้วยการตัดเส้นประสาทของแขนข้างหนึ่งและมัดแขนอีกข้างไว้ด้วยผ้าคล้องแขน เขาพบว่าลิงใช้แขนที่ไร้ความรู้สึกเพื่อกินอาหารและขยับตัวไปรอบ ๆ ต่อมาด้วยความคิดที่ว่าหากลิงไม่ยอมใช้แขนที่ไร้ความรู้สึกเพียงเพราะว่ามันสามารถใช้แขนอีกข้างได้ ดังนั้นการทำให้แขนทั้งสองข้างของลิงไม่มีความรู้สึกจึงเป็นการบังคับให้พวกมันใช้แขนที่ไม่มีความรู้สึกนั้น โดยผลการทดลองของเขาก็ได้สนับสนุนความคิดนี้ ดอยดจ์เขียนว่าทับได้จุดประกายความคิดใหม่ โดยการเดาว่า เหล่าลิงไม่ใช้แขนหรือขาที่ไม่มีความรู้สึกเพียงเพราะพวกมันเรียนรู้ที่จะไม่ใช้ เป็นความคิดที่เขาเรียกว่า "การไม่ใช้จากการเรียนรู้ (learned non-use)"[11]
อเล็กซ์ ปาเชโก
[แก้]ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2524 อเล็กซ์ ปาเชโก (เกิดเมื่อ พ.ศ. 2501) ซึ่งขณะนั้นเป็นนักศึกษาบัณฑิตศึกษา ณ มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ได้อาสาเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยในห้องปฏิบัติการของทับ เดอะวอชิงตันโพสต์ เขียนว่าเขาเติบโตมาในประเทศเม็กซิโก เป็นบุตรของแพทย์ และอยากจะเป็นนักบวช เขากล่าวว่าการที่เขาได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงฆ่าสัตว์ในช่วงยุค 70 นั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง เขาอ่านหนังสือ การปลดปล่อยสัตว์ (Animal Liberation) ซึ่งเขียนโดย ปีเตอร์ ซิงเกอร์ (พ.ศ. 2524) เลิกกินเนื้อสัตว์ และผันตัวเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ เขาทำงานบนเรือต่อต้านการล่าวาฬ ทำงานที่ Sea Shepherd Conservation Society และเข้าร่วม Hunt Saboteurs Association ในประเทศอังกฤษ เมื่อเขากลับไปที่สหรัฐเพื่อเรียนรัฐศาสตร์ ณ จอร์จวอชิงตัน เขาร่วมทีมกับ อินกริด นิวคิร์ก ในการก่อตั้งกลุ่มพีตา ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2523 ด้วยความที่เขาอยากมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทดลองการวิจัยสัตว์เขาได้ไล่ดูรายชื่อของห้องทดลองที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและได้เลือกสมัครตำแหน่งในห้องทดลองที่ใกล้บ้านเขาที่สุด[2] ทับเสนอตำแหน่งที่ไม่มีค่าตอบแทนให้กับอเล็กซ์ และให้เขาทำงานร่วมกับ Georgette Yakalis[5]
เหล่าลิง
[แก้]ในสถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ ทับได้ทำการทดลองการตัดเส้นประสาทรับความรู้สึกกับลิงแสม (Macaca fascicularis) เพศผู้จำนวน 16 ตัว และลิงวอก (Macaca mulatta) เพศเมียหนึ่งตัว แต่ละตัวมีความสูงประมาณ 35 ซม โดยทุกตัวเกิดในธรรมชาติ ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ลิงแต่ละตัวถูกขังเดี่ยวในกรงเหล็กขนาด 45 x 45 ซม โดยปราศจากที่นอน ชามอาหาร หรือสิ่งกระตุ้นอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อม พวกมันอยู่ในห้องขนาด 1.4 ตารางเมตร[12] ปาเชโกอ้างว่าลิง 12 จาก 17 ตัวถูกตัดเส้นประสาทรับความรู้สึกจากแขนข้างใดข้างนึงหรือทั้งสองข้าง ขัดกับ จดหมายข่าวไพรเมตห้องทดลอง ซึ่งกล่าวว่ามีเพียง 10 ตัวเท่านั้นที่ถูกตัด โดยที่ลิงอีก 7 ตัว อยู่ในกลุ่มควบคุม[13]
การบุกและเข้าจับกุมของตำรวจ
[แก้]การบรรยายถึงลักษณะของห้องทดลองจากปาเชโก
[แก้]ปาเชโกเขียนว่าเขาพบว่าเหล่าลิงต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โสโครก เขาพบศพลิงทั้งที่ถูกแช่แข็งในตู้เย็น และที่ลอยอยู่ในฟอร์มาลดีไฮด์[2] เขาอ้างว่า ห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยเอกสารกระจัดกระจายอยู่ ไม่เว้นแม้แต่ใต้โต๊ะผ่าตัด โดยบนพื้นถูกปกคลุมไปด้วยเสื้อผ่าเปื้อน ๆ รองเท้าเก่า ๆ รวมไปถึงอุจจาระและปัสสาวะหนู แมลงสาบพบได้ทั้งในลิ้นชัก บนพื้น และรอบ ๆ อ่างล้างมือ เขากล่าวว่าลวดกรงถูกปกคลุมไปด้วยความสกปรกและสนิม พื้นกรงนั้นเต็มไปด้วยอุจจาระและปัสสาวะ ลิงทั้ง 17 ตัวมักหยิบเศษอาหารที่ตกไปยังถาดของเสียใต้กรง เขาอ้างว่ากรงไม่ได้รับการทำความสะอาดมาเป็นเวลาหลายเดือน แถมในกรงยังไม่มีจานอาหาร ทำให้อาหารต้องปนกับอุจจาระ เหล่าลิงได้แต่เพียงนั่งบนเส้นลวดของพื้นกรงโดยปราศจากที่รองนั่ง เขาเขียนว่าลิง 12 ตัวถูกตัดเส้นประสาทสัมผัส ในจำนวนนั้นมีนิ้ว 39 นิ้วซึ่งผิดรูปหรือหายไป เขาบรรยายว่าพวกมันมีอาการทางประสาท และมักโจมตีแขนหรือขาที่ถูกตัดเส้นประสาทราวกับว่ามันเป็นวัตถุแปลกปลอม[5]
การตรวจจับและบุกค้นอย่างไม่เป็นทางการ
[แก้]ปาเชโกตัดสินใจบันทึกสภาพแวดล้อมในห้องทดลอง เขาบอกทับว่าเขาอยากทำงานตอนกลางคืน และถ่ายรูปสภาพความเป็นอยู่ของเหล่าลิง เขานำรูปไปเผยแพร่ต่อกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ในเดือนกรกฎาคม ในกลุ่มนั้น คลีฟแลนด์ อมอรี ได้ให้เงินเขาซื้อกล้องที่ดีกว่าเดิมและเครื่องรับส่งวิทยุพกพา เพื่อให้คนดูต้นทางด้านนอกสามารถติดต่อเขาได้หากมีคนมา ในเดือนสิงหาคมปาเชโกเริ่มเชิญชวนสัตวแพทย์และนักวิทยาศาสตร์เข้ามาดูห้องทดลองเพื่อเป็นพยาน วอชิงตันโพสต์ รายงานว่านักวานรวิทยา กีซา เทเลกี จากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน เขียนว่าเขาไม่เคยเห็นห้องทดลองที่ถูกละเลยขนาดนี้มาก่อน นักจิตวิทยา โดนัลด์ บาร์นส์ ซึ่งเคยเป็นนักวิจัยไพรเมต กล่าวว่ามันเป็น "สภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่และผิดหลักอนามัยสำหรับไพรเมต" และยังเป็นภัยต่อคน สัตวแพทย์ท้องถิ่น ริชาร์ด วิทซ์แมน เห็นด้วยว่าห้องทดลองอยู่ในสภาพสกปรกมาก ทว่าเขาบอกว่าเหล่าลิงดูจะได้รับอาหารเพียงพอและมี "สุขภาพค่อนข้างดี"[2]
ปาเชโกรายงานสถานการณ์ต่อตำรวจ นำไปสู่การบุกค้นห้องทดลองในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2524 ภายใต้กฎหมายป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ของรัฐแมรี่แลนด์ ก่อนการบุกค้น พีตา (PETA) ได้นำข่าวไปบอกต่อสื่อ เป็นผลให้มีนักข่าวและช่างภาพหลายคนไปยังที่เกิดเหตุสร้างความไม่พอใจต่อตำรวจ ต่อมานายตำรวจให้การว่าเหล่าลิงได้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพโสโครก ริชาร์ด สเวน ผ้นำการบุกค้นบอกกับ เดอะวอชิงตันโพสต์ ในพ.ศ. 2534 ว่า "มันโสโครกอย่างที่สุด สกปรกมาก ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ผมได้เข้าบุกค้นมาหลายต่อหลายที่ ผมได้ทำงานเกี่ยวกับการฆาตกรรม สารเสพติด แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพตนเองทันทีเมื่อก้าวเข้าไปในห้อง" ทับถูกแจ้ง 17 ข้อหาเกี่ยวกับการทารุรกรรมสัตว์และการเพิกเฉยต่อการรักษาสัตว์[2]
ตำรวจนำเหล่าลิงจากห้องทดลองไปยังห้องใต้ดินของบ้านหลังหนึ่งซึ่งมี ลอรี เคเนลี สมาชิกองค์การส่งเสริมการมีมนุษยธรรมท้องถิ่นเป็นเจ้าของ ปีเตอร์ คาร์ลสัน เขียนใน เดอะวอชิงตันโพสต์ ว่าพวกลิงได้รับของเล่น ถูกหวีด้วยแปลงสีฟันโดยนักเคลื่อนไหว ถูกดูแล 24 ชั่วโมงต่อวัน และยังได้รับอนุญาตให้ดูละครตอนบ่ายอีกด้วย ทนายความของทับไปยังศาลเพื่อขอเหล่าลิงคืน หลังจากนั้น 10 วัน ผู้พิพากษาได้ทำการอนุญาต ทว่าอยู่ ๆ เหล่าลิงก็หายไป เคเนลี เจ้าของบ้านนั้นไม่อยู่บ้านในขณะนั้น และบอกว่าเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ริชาร์ด สเวน นายตำรวจผู้นำการบุกค้นได้จับกุมเคเนลีและขังเธอไว้ในคุกท้องถิ่นเป็นเวลาหนึ่งคืน ต่อมาพีตาได้รับข่าวว่าหากไม่มีเหล่าลิงเป็นหลักฐานก็จะไม่สามารถจับกุมทับได้ หลังจากนั้น 5 วัน อยู่ ๆ เหล่าลิงก็กลับมา จากนั้นไม่นานทับก็ได้รับเหล่าลิงคืน[2]
การตอบโต้ของทับ
[แก้]ทับกล่าวว่าเขาถูกจัดฉาก เขาบอกว่าห้องทดลองของเขาได้รับการทำความสะอาดก่อนที่เขาจะพักร้อน ทว่าปาเชโกกลับไม่ยอมทำความสะอาดกรง ไม่ยอมดูแลเหล่าสัตว์ จึงทำให้เกิดการรายงานผิด ๆ เกี่ยวกับการทารุณกรรม ระหว่างที่ทับพักร้อนในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นเวลาสองอาทิตย์ มี 7 วันที่เหล่าสัตว์ควรได้รับอาหาร และที่กรงควรได้รับการทำความสะอาด ทว่าผู้ดูแลทั้งสองคนกลับไม่ได้มาทำงาน ทับประมาณความเป็นไปได้ของการขาดงานถึงเจ็ดครั้งภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์ครึ่งของพนักงาน ว่ามีโอกาสเพียง 7 ในล้านล้านเท่านั้น หากคำนวณจากบันทึกการมาทำงาน สามในเจ็ดวันนั้น ปาเชโกได้พาคนเข้าไปดูเหล่าลิง[14] จอห์น คันซ์ นักศึกษาบัณฑิตศึกษาซึ่งเป็นผู้ช่วยวิจัยของทับกล่าวว่า ผู้ดูแลเพียงแค่ใช้โอกาสที่ทับไม่อยู่ในการหยุดงานเท่านั้น[2]
ระหว่างการตัดสินของทับและคันซ์ในศาลเมื่อเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน พ.ศ. 2524 ทับกล่าวต่อหน้าศาลว่าเหล่าลิงได้รับการดูแลที่ "อ่อนโยน" และมี "บันทึกสุขภาพที่ดีเยี่ยม" เขาอ้างว่าพวกมันไม่ได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์เลยตลอดเวลาสองปีเพราะว่าเขาเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาลิงที่ถูกตัดเส้นประสาท เพื่อตอบโต้รูปถ่ายของลิงที่มีแผลเปิดและผ้าพันแผลที่กำลังย่อยสลายบนแผล เขาบอกว่าการใช้ขี้ผึ้งทาแผลและผ้าพันแผลเป็นอันตรายต่อลิงมากกว่าการไม่รักษา เนื่องจากลิงไม่มีความรู้สึกเจ็บบนแขนหรือขาที่ถูกตัดเส้นประสาทและมักเรียนรู้ที่จะเพิกเฉย เขากล่าวต่ออีกว่าการทาแผลด้วยขี้ผึ้งหรือปิดด้วยผ้าพันแผลเป็นการเรียกร้องความสนใจส่งผลให้เหล่าสัตว์มักกัดหรือเกาแผล ผ้าพันแผลอาจเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อแผลนั้นลุกลามหรือติดเชื้อ และบางทีการปล่อยให้ผ้าพันแผลย่อยสลายไปเองก็ดีกว่าการนำออก ทับยังให้การอีกว่ารูปบางรูปของปาเชโกได้ถูกจัดฉากให้เกินจริง[15] ใน พ.ศ. 2540 นอร์แมน ดอยดจ์ เขียนว่าทับกล่าวว่าเหล่าลิงในรูปนั้นถูกจัดให้อยู่ในท่าที่ไม่ได้อยู่ในขั้นตอนการทดลอง[16] ซึ่งขัดต่อการให้การของปาเชโก ส่วนเรื่องของความสกปรกนั้น ทับกล่าวว่า "ห้องลิงนั้นเป็นล้วนแต่เป็นที่สกปรก" และยังกล่าวว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาในห้องทดลอง ที่อุจจาระจะอยู่บนพื้นและที่อาหารจะหล่นไปสู่ถาดรองของเสียใต้กรง เขากล่าวว่าลูกจ้างได้ใช้ไม้กวาดและไม้ถูพื้นเพื่อทำความสะอาดและนำของเสียบนถาดรองไปทิ้งแทบทุกวัน เขาอ้างว่าเหล่าลิงได้รับผลไม้สดสองครั้งต่อสัปดาห์ และเขาไม่เห็นด้วยกับสัตวแพทย์ที่บอกว่าลิงเพศเมียนั้นมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์[15]
การสืบสวนโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ
[แก้]สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (สหรัฐ) (NIH) ซึ่งได้ให้เงินสนับสนุนงานวิจัยของทับ ได้ระงับเงินทุนอุดหนุนการวิจัยจำนวน 115,000 เหรียญสหรัฐของเขา[15] สถาบันได้ริเริ่มการสืบสวนด้วยตัวเอง และส่งสำนักงานการป้องกันความเสี่ยงงานวิจัย (Office for the Protection from Research Risks - OPRR) เพื่อไปประเมินห้องทดลองของทับ โดย OPRR พบว่าการดูแลสัตว์ของห้องทดลองไม่ผ่านเกณฑ์ และสรุปว่าห้องทดลองไม่ถูกสุขอนามัยอย่างมาก การสืบสวนโดย OPRR ทำให้ NIH ได้ตัดสินใจถอนเงินสนับสนุนที่เหลือสำหรับการทดลอง จำนวนกว่า 200,000 เหรียญสหรัฐ เพราะมีการละเมิดข้อบังคับในการดูแลสัตว์[17] วิลเลียม รับ และ โจ ฮีลด์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จาก NIH เขียนในจดหมายข่าว ประสาทวิทยาศาสตร์ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2526 ว่าลิงซึ่งถูกตัดเส้นประสาทรับความรู้สึกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2524 และเคยผ่านการผ่าตัดแบบเดียวกันมาก่อน ไม่ได้มีแผลอย่างลิงทั้งห้าตัวในห้องทดลองของทับ "บนฐานของข้อสังเกตเหล่านี้" พวกเขาเขียนว่า "ดูเหมือนว่ากระดูกที่หัก บาดแผลที่ฉีกขาด บาดแผลที่ถูกเจาะ การช้ำ และรอยขีดข่วน รวมไปถึงการติดเชื้อ อาการอักเสบทั้งแบบฉับพลันและแบบเรื้อรัง และการตายเฉพาะส่วน นั้นไม่ใช่ผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการตัดเส้นประสาทรับความรู้สึก"[10] หลังการอุทธรณ์ เมื่อพ.ศ. 2550 ดอยดจ์เขียนว่า สมาคมผู้เชี่ยวชาญจำนวน 67 สมาคมได้แสดงตัวในนามของทับ และ NIH ได้กลับผลตัดสินที่จะไม่สนับสนุนงานวิจัยของเขา[18]
การพิจารณาคดีและการอุทธรณ์ในศาล
[แก้]การพิจารณาคดีครั้งแรก (ตุลาคม พ.ศ. 2524)
[แก้]อ้างอิงจากปีเตอร์ คาร์ลสัน ในการพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2524 ทุกแง่มุมของคดีถูกพิพาทโดยผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองฝ่าย ฝ่ายผู้ยื่นฟ้องบอกว่าห้องทดลองของทับนั้นสกปรกและไม่ถูกสุขอนามัย โดยได้รับการสนับสนุนจากรายงานการตรวจตราของรัฐและพยาน ทางฝ่ายทับผู้เป็นจำเลยกล่าวว่าห้องทดลองไม่ได้สกปรกไปกว่าห้องทดลองอื่น ๆ โดยมีรายงานการตรวจตราจากรัฐและพยานสนับสนุนเช่นกัน สัตวแพทย์จากฝ่ายผู้ยื่นฟ้องกล่าวว่าการที่ทับไม่ยอมพันแผลให้เหล่าลิงนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพวกมัน ขณะที่สัตวแพทย์จากฝ่ายจำเลย ซึ่งในจำนวนนี้มีสองคนที่เคยทำงานกับลิงที่ถูกตัดเส้นประสาทมาก่อนกล่าวว่าการใช้ผ้าพันแผลจะทำให้ลิงโจมตีแขนหรือขานั้น คาร์ลสันเขียนว่าฝ่ายผู้ยื่นฟ้องได้แสดงภาพถ่ายจำนวน 70 ภาพของสภาพที่สกปรกและลิงที่บาดเจ็บ ในขณะที่นักวิจัยซึ่งเคยทำงานในห้องทดลองยืนยันว่าพวกเขาไม่เคยเห็นห้องทดลองในสภาพนั้นมาก่อน ผู้พิพากษาตัดสินว่าทับมีความผิดใน 6 ข้อหาเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์และการเพิกเฉยต่อการรักษาสัตว์ต่อลิงจำนวนหกตัว และตัดสินให้พ้นโทษจากอีก 11 ข้อหา เขาถูกปรับเงินเป็นจำนวน 3,000 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ผู้ช่วยในห้องทดลอง จอห์น คันซ์ นั้นพ้นโทษทั้ง 17 ข้อหา[2]
การพิจารณาคดีครั้งที่สองและการอุทธรณ์ (พ.ศ. 2525 และ พ.ศ. 2526)
[แก้]ทับได้เข้ารับการพิจารณาคดีครั้งที่สองในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2525 หลังผ่านไปสามสัปดาห์ คณะลูกขุนตัดสินให้เค้าพ้นจากห้าข้อขา และถอนฟ้องข้อหาที่หกเกี่ยวกับการที่ลิงตัวหนึ่งต้องถูกตัดแขนที่ถูกตัดเส้นประสาทเนื่องจากแผลที่ลุกลาม ทับถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 500 เหรียญสหรัฐ โดยข้อกล่าวหาที่หกนั้นถูกยกฟ้องเมื่อศาลเห็นว่ากฎหมายเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์ของรัฐแมรีแลนด์นั้นไม่สามารถนำไปใช้กับห้องทดลองซึ่งได้รับทุนจากรัฐบาลกลางได้[2]
การต่อสู้เพื่ออำนาจปกครอง
[แก้]หลังเหล่าลิงถูกส่งกลับไปอยู่ใต้การปกครองของทับ พวกมันได้ถูกย้ายไปอยู่ในสถานที่ของ NIH[19] จากนั้นได้ถูกย้ายไปที่ ศูนย์วิจัยไพรเมตท้องถิ่นทูเลนในเมืองโควิงตัน รัฐลุยเซียนา ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้ความดูแลของ NIH สถานที่คุ้มภัยไพรเมตสองที่ได้เสนอรับดูแลเหล่าลิง ทว่า NIH ได้ปฏิเสธที่จะปล่อยตัวพวกมัน[20]
ต่อมาพวกมันถูกย้ายโดย NIH ไปยัง สถาบันเดลต้าไพรเมต ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2529 โดยนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ที่เคยเข้าเยี่ยมและเล่นกับเหล่าลิงบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมพวกมันได้อีกต่อไป[21] ในพ.ศ. 2530 ผู้คุมลิงทั้ง 14 ตัวที่เหลือแนะนำว่าให้ทำการการุณยฆาตลิง 8 ตัวจากจำนวนนั้น เพราะว่าพวกมันไม่มีหวังที่จะถูกขัดเกลาทางสังคมได้อีกครั้ง ทว่าคดีความจากการฟ้องร้องโดยพีตาและกลุ่มอื่น ๆ ได้เข้าขัดการการุณยฆาต หลังศาลปฏิเสธที่จะมอบอำนาจการปกครองต่อเหล่าลิงให้กับพีตา ลิงสองตัวถูก NIH เก็บไว้ ณ สถาบันไพรเมตของมหาวิทยาลัยทูเลน และถูกการุณยฆาตในเวลาต่อมา[22]
การทดลองครั้งสุดท้ายและการุณยฆาต
[แก้]สถาบันสุขภาพแห่งชาติกล่าวไว้ในพ.ศ. 2530 ว่าเหล่าลิงจะไม่ถูกใช้ในการทดลองเชิงรุกรานอีกต่อไป ทว่าความจริงแล้วพวกมันยังถูกทดลองต่อในพ.ศ. 2543 NIH ได้เปิดเผยการทดลองขณะสู้ในคดีความเพื่ออำนาจการดูแลสัตว์ในพ.ศ. 2532 โดยเสนอว่าจะวางยาสลบในทุกขั้นตอน และปิดท้ายด้วยการการุณยฆาต หลังจากนั้นเนื้อเยื่อจะถูกนำมาศึกษาต่อ[20] ศาลอนุญาตให้กลุ่มนักวิจัยจาก NIH ทำการทดลองครั้งสุดท้ายในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2533 โดยใช้หนึ่งในลิงซึ่งมีอาการป่วย ภายใต้ฤทธิ์ยาสลบอิเล็กโทรดถูกนำไปวางในสมองเพื่อบันทึกค่าจำนวนนับร้อย จดหมายข่าว ประสาทวิทยาศาสตร์ กล่าวว่าการวัดครั้งนี้แสดงถึง "การเรียงตัวใหม่ของคอร์เทกซ์รับความรู้สึกในแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน พื้นที่ขนาด 8-10 มม ซึ่งปกติทำหน้าที่รับข้อมูลจากมือนั้นถูกพบว่าเต็มไปด้วยข้อมูลจากใบหน้า" เหล่าลิงที่เหลือถูกทำการวิจัยการวาดแผนที่สมองเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 ซึ่งคือสามวันหลังคำร้องขออำนาจปกครองของปีพีตาถูกปฏิเสธ ต่อมาเหล่าลิงจึงถูกการุณยฆาต[23]
บันทึก
[แก้]- ↑ Carbone, Larry. What Animals Want: Expertise and Advocacy in Laboratory Animal Welfare Policy. Oxford University Press, 2004, pp. 75–76, see figure 4.2.
- ↑ 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 Carlson, Peter. "The Strange Case of the Silver Spring Monkeys," The Washington Post magazine, February 24, 1991.
- ↑ Doidge, Norman. The Brain That Changes Itself. Viking Penguin, 2007, p. 136: Doidge calls them the most famous lab animals in history.
- Blum, Deborah. The Monkey Wars. Oxford University Press, 1995, p. 106.
- ↑ Doidge 2007, p. 141-2.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 Pacheco, Alex and Francione, Anna. "The Silver Spring Monkeys" in Singer, Peter. In Defense of Animals. Basil Blackwell, 1985, pp. 135–147.
- Also see Boffey, Philip M. "Animals in the lab: Protests accelerate, but use is dropping", The New York Times, October 27, 1981.
- The National Institutes of Health initially said that Taub's laboratory was "grossly unsanitary" and suspended his funding, a decision that was later reversed; see Dajer, T. "Monkeying with the Brain", Discover, January 1992, pp. 70–71.
- ↑ Carlson 1991.
Schwartz, Jeffrey and Begley, Sharon. The Mind and the Brain: Neuroplasticity and the Power of Mental Force. HarperCollins, 2002, p. 161.
- Newkirk, Ingrid. Free the Animals. Lantern Books, 2000, p. xv, says the case triggered the formation of the first North American ALF cell.
- ↑ Leary, Warren E. "Renewal of Brain Is Found In Disputed Monkey Tests", The New York Times, June 28, 1991.
- ↑ Schwartz and Begley 2002, pp. 160, 162.
- ↑ Schwartz and Begley 2002, p. 160.
- Doidge 2007, p. 134.
- Also see "Constraint-Induced Movement Therapy" เก็บถาวร 2010-01-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, "A Rehab Revolution," Stroke Connection Magazine, September/October 2004.
- ↑ 10.0 10.1 Schwartz and Begley 2002, p. 149.
- ↑ Doidge 2007, pp. 139, 141.
- ↑ Guillermo, Kathy Snow. Monkey Business. National Press Books, 1993, pp. 13–14, 20.
- Also see Pacheco, Alex and Francione, Anna. "The Silver Spring Monkeys" in Singer, Peter. In Defense of Animals. New York: Basil Blackwell, 1985, pp. 135–147.
- ↑ Clarke, A.S. 'Silver Spring' Monkeys at the San Diego Zoo, Laboratory Primate Newsletter, Volume 27, No. 3, July 1988.
- ↑ Holder, Constance. "Scientist convicted for monkey neglect," Science, December 11, 1981, volume 214, pp. 1218–1220.
- ↑ 15.0 15.1 15.2 Ettlin, David Michael. "Taub denies allegations of cruelty" เก็บถาวร 2012-11-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, The Baltimore Sun, November 1, 1981.
- ↑ Doidge 2007, p. 145.
- ↑ Boffey, Philip M. "Animals in the lab: Protests accelerate, but use is dropping", The New York Times, October 27, 1981.
- ↑ Hubel, David. "Are we willing to fight for our research?" เก็บถาวร 2018-06-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Annual Review of Neuroscience, vol 14, 1991, accessed December 12, 2010; doi:10.1146/annurev.ne.14.030191.000245
- ↑ Sideris, Lisa; McCarthy, Charles; and Smith, David H. "Roots of Concern with Nonhuman Animals in Biomedical Ethics", ILAR Journal, volume 40, issue 1, 1999.
- ↑ 20.0 20.1 Barnard ND et al. NIH research protocol for Silver Spring monkeys: A case of scientific misconduct (Part I), Americans For Medical Advancement, February 24, 2003, and "Part II", August 22, 2004.
- The Washington Post, February 24, 1991.
- ↑ Reinhold, Robert. "Fate of monkeys, deformed for science, causes human hurt after six years", The New York Times, May 23, 1987.
- ↑ Leary, Warren E. " Animal Rights Groups Vow Suit to Save Monkeys", The New York Times, January 18, 1990.
"After Justices Act, Lab Monkeys Are Killed", Associated Press, April 13, 1991.
- "2 Lab Monkeys Killed After Top Court Acts", Associated Press, April 14, 1991.
- Also see Laboratory Primate Newsletter, volume 28, issue 2, April 1989.
- ↑ Laboratory Primate Newsletter, Volume 29, Number 2, October 1990.
อ้างอิง
[แก้]- Barnard ND; Selby R; Robinson DN; Schreckenberg GM; Van Petten C. "NIH research protocol for Silver Spring monkeys: A case of scientific misconduct (Part I)", February 24, 2003.
- "Part II", August 22, 2004, accessed December 7, 2010.
- Blum, Deborah. The Monkey Wars. Oxford University Press, 1995.
- Boffey, Philip M. "Animals in the lab: Protests accelerate, but use is dropping", The New York Times, October 27, 1981.
- Carbone, Larry. '"What Animals Want: Expertise and Advocacy in Laboratory Animal Welfare Policy. Oxford University Press, 2004.
- Carlson, Peter. "The Great Silver Spring Monkey Debate," The Washington Post magazine, February 24, 1991.
- Clarke, A.S. "'Silver Spring' Monkeys at the San Diego Zoo", Laboratory Primate Newsletter, Volume 27, No. 3, July 1988, accessed December 7, 2010.
- Dajer, T. "Monkeying with the Brain", Discover, January 1992.
- Doidge, Norman. The Brain That Changes Itself. Viking Penguin 2007.
- Ettlin, David Michael. "Taub denies allegations of cruelty" เก็บถาวร 2012-11-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, The Baltimore Sun, November 1, 1981.
- Guillermo, Kathy Snow. Monkey Business. National Press Books, 1993.
- Holder, Constance. "Scientist convicted for monkey neglect," Science, vol 214, December 11, 1981.
- Johnson, David. Review of The Mind and the Brain: Neuroplasticity and the Power of Mental Force, curledup.com, accessed December 7, 2010.
- Jones E.G. and Pons T.P. "Thalamic and brainstem contributions to large-scale plasticity of primate somatosensory cortex", Science, volume 282, issue 5391, 1998.
- Leary, Warren E. " Animal Rights Groups Vow Suit to Save Monkeys", The New York Times, January 18, 1990.
- Leary, Warren E. "Renewal of Brain Is Found In Disputed Monkey Tests", The New York Times, June 28, 1991.
- Merzenich M. "Long-term change of mind," Science, volume 282, issue 5391, 1998.
- Newkirk, Ingrid. Free the Animals. Lantern Books, 2000.
- Pacheco, Alex and Francione, Anna. "The Silver Spring Monkeys" in Singer, Peter. In Defense of Animals. Basil Blackwell, 1985.
- Reinhold, Robert. "Fate of monkeys, deformed for science, causes human hurt after six years", The New York Times, May 23, 1987.
- Sideris, Lisa; McCarthy, Charles; and Smith, David H. Bioethics of Laboratory Animal Research. Roots of Concern with Nonhuman Animals in Biomedical Ethics เก็บถาวร 2008-06-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ILAR Journal, volume 40, issue 1, 1999.
- Schwartz, Jeffrey and Begley, Sharon. The Mind and the Brain: Neuroplasticity and the Power of Mental Force. HarperCollins, 2002.
- Stroke Connection Magazine. "Constraint-Induced Movement Therapy" เก็บถาวร 2010-01-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, "A Rehab Revolution," September/October 2004, accessed December 7, 2010.
- University of Alabama at Birmingham. "Dr. Edward Taub" เก็บถาวร 2005-03-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Department of Psychology, accessed December 7, 2010.