หมาน้อยผู้กล้าหาญ
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
หมาน้อยผู้กล้าหาญ | |
---|---|
ประเภท | สยองขวัญ สุขนาฏกรรม วิทยาศาสตร์จินตนิมิต |
สร้างโดย | จอห์น อาร์. ดิลเวิร์ธ |
เขียนโดย |
|
กำกับโดย | จอห์น อาร์. ดิลเวิร์ธ |
เสียงของ | |
ดนตรีแก่นเรื่องเปิด | "Courage the Cowardly Dog" |
ดนตรีแก่นเรื่องปิด | "Courage the Cowardly Dog" (Instrumental) |
ผู้ประพันธ์เพลง | Jody Gray Andy Ezrin |
ประเทศแหล่งกำเนิด | สหรัฐ |
ภาษาต้นฉบับ | อังกฤษ |
จำนวนฤดูกาล | 4 |
จำนวนตอน | 52 (102 segments) (รายชื่อตอน) |
การผลิต | |
ผู้อำนวยการผลิต | จอห์น อาร์. ดิลเวิร์ธ |
ผู้อำนวยการสร้าง |
|
ความยาวตอน | 22 นาที |
บริษัทผู้ผลิต |
|
ออกอากาศ | |
เครือข่าย | การ์ตูนเน็ตเวิร์ค |
ออกอากาศ | 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1999 – 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 |
การแสดงที่เกี่ยวข้อง | |
การ์ตูนหรรษา |
หมาน้อยผู้กล้าหาญ เป็นการ์ตูนทีวีแอนิเมชันแนวสุขนาฏกรรมสยองขวัญถูกสร้างโดยจอห์น อาร์. ดิลเวิร์ธให้กับการ์ตูนเน็ตเวิร์คโดยเป็นส่วนหนึ่งของช่วงการ์ตูน การ์ตูนส์ ตัวละครหลักเป็นมานุษยรูปนิยมในรูปของสุนัขสีชมพูชื่อเคอเรจซึ่งอาศัยอยู่กับคู่สามีภรรยาสูงอายุในใจกลางของเมืองโนแวร์ ทั้งสามมักจะต้องเผชิญกับเคราะห์ร้ายอันแปลกประหลาดบ่อยครั้งซึ่งมักเกี่ยวข้องกับอาถรรพณ์หรือสิ่งเหนือธรรมชาติ การ์ตูนชุดนี้เป็นที่รู้จักในเรื่องของความตลกร้าย ความขบขันและบรรยากาศที่เกินจริง
ดิลเวิร์ธนำเสนอการ์ตูนสั้นให้กับแฮนนา บาร์บีราซึ่งฉายในช่วงการ์ตูนหรรษา การ์ตูนนี้ได้ทดลองฉาย (ชื่อตอน "The Chicken from Outer Space") โดยออกอากาศทางการ์ตูนเน็ตเวิร์คช่วงต้นปี ค.ศ. 1996[1] การ์ตูนสั้นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ แต่แพ้เรื่องA Close Shaveจากวอลเลซแอนด์กรอมิต การ์ตูนเน็ตเวิร์คได้นำการ์ตูนสั้นจัดทำเป็นการ์ตูนทีวีแอนิเมชันซึ่งออกฉายตอนแรกเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1999 และตอนสุดท้ายในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 โดยมีการผลิตจำนวน 13 ตอนใน 4 ฤดูกาล ในระหว่างดำเนินรายการการ์ตูนชุดนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโกลเดนรีลล์ 3 รางวัล และรางวัลแอนนี 1 รางวัล การ์ตูนชุดนี้ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์และผู้ชมจำนวนมากและพัฒนาตามมาด้วยสื่อหลังการฉายซึ่งประกอบด้วยโฮมวิดีโอและของเล่นสะสม และมีการออกอากาศซ้ำอีกในบูมเมอแรงระหว่างปี ค.ศ. 2009 ถึง 2017
เรื่องราว
[แก้]เป็นเรื่อราวของสุนัขชื่อเคอเรจ (Courage) ซึ่งมีนิสัยขี้กลัว เป็นสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง ต่อมาเมอเรียล แบกก์ (Muriel Bagge) ไปพบเข้า เธอจึงรับมันไปเลี้ยง เมอเรียลมีสามีชื่อยูสเทส แบกก์ (Eustace Bagge) มีนิสัยตระหนี่และชอบแกล้งเคอเรจตลอด พวกเขาทั้งสามอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆในเมืองสมมติที่ชื่อว่า โนแวร์ (อังกฤษ:Nowhere) ในแต่ละตอนพวกเขาทั้งสามจะต้องเจอกับวายร้ายอย่างน้อย 1 คน มารบกวนหรือทำร้าย ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ประหลาด มนุษย์ต่างดาว ปีศาจ นักวิทยาศาสตร์คลั่ง ซอมบี้ แวมไพร์ ผี เป็นหน้าที่ของเคอเรจที่จะต้องช่วยเหลือเจ้านายทั้งสองของมันให้ปลอดภัย
ตัวละครหลัก
[แก้]- เคอเรจ (Courage)
เป็นสุนัขสีม่วงถูกเก็บมาจากกองขยะ นิสัยขี้กลัวแต่ฉลาด เวลาเจอตัวร้ายประจำตอนมักจะร้องอุทานเสียงดัง บางครั้งในฉากจบของตอนจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง รักเมอเรียลมาก
- เมอเรียล แบกก์ Muriel Bagge
หญิงชรา รูปร่างอวบ ชอบดื่มชา เป็นผู้เก็บเคอเรจมาเลี้ยงจากกองขยะ มีนิสัยใจดี และใจเย็น แต่เวลาโกรธจะไม่ไว้หน้าใคร ยกเว้นเคอเรจ
- ยูสเทส แบกก์ Eustace Bagge
สามีของเมอเรียล เป็นคนหัวล้าน รูปร่างผอม ขี้โมโห ตระหนี่ และเห็นแก่ตัว แต่ลึก ๆแล้วเป็นขี้กลัวยิ่งกว่าเคอเรจเสียอีก ชอบเรียกเคอเรจว่า "เจ้าหมาโง่" (อังกฤษ:Stupid Dog!) ท้ายเรื่องมักจะโดนตัวร้ายจับตัวไปตลอด
ศัตรู
[แก้]แคทซ์
[แก้]ลักษณะเป็นแมวสีแดงน่ารัก หน้าตาเจ้าเล่ห์ เป็นตัวร้ายที่จะปรากฏอยู่ในบางตอน
ดร.ซาลอสต์
[แก้]เป็นนักวิทยาศาสตร์ในสัญชาติโครเอเชีย-เซอร์เบีย อยู่กับหนู ที่หอพร้อมกับปืนใหญ่คู่ใจ เรียกว่า "Unhappy Cannonball"
บรรณารักษ์
[แก้]บรรณารักษ์เป็นตัวละครใน ตอน อาถรรพ์หนังสือ หรือ Wrath of Libarian
ราชินีแห่งน้ำดำ
[แก้]ราชินีแห่งน้ำดำ ซึ่งเป็นตัวละครกลายร่างเป็นไปได้อยู่กับเพื่อนกับอุสทีส แปรงร่างเป็นสัตว์ประหลาดได้
เลอ แคว็ก
[แก้]เลอแคว็ก เป็ด เป็นตัวละครตัวร้ายในบางตอน
มนุษย์หิมะ
[แก้]มนุษย์หิมะนักทดลอง ผู้ไม่พอใจกับโลกที่ร้อนขึ้น เป็นตัวร้ายที่ปรากฏในบางตอน
มา แบกก์ Ma Bagge
[แก้]แม่ของ ยูสเทส แบกก์ หัวล้านและทำธุรกิจเกี่ยวกับวิกผม รักเคอเรจมากกว่าลูกตัวเอง แต่พอเคอเรจทำให้เสียแผนบ่อยๆเข้าก็เลยกลายเป็นศัตรูไปโดยปริยาย
รายการอ้างอิง
[แก้]- ↑ Mendoza, N.F. (February 18, 1996). "SHOWS FOR YOUNGSTERS AND THEIR PARENTS TOO : Cartoon Network stars a hen from outer space; 'Human Animal' explores our needs on TLC". The Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ 19 March 2012.