มารี กูว์รี
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
มารี กูว์รี | |
---|---|
กูว์รี ป. ค.ศ. 1920 | |
เกิด | มาเรีย ซาลอแมอา สกวอดอฟสกา 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1867 วอร์ซอ คองเกรสโปแลนด์ จักรวรรดิรัสเซีย[1] |
เสียชีวิต | 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1934 Passy จังหวัดโอต-ซาวัว ประเทศฝรั่งเศส | (66 ปี)
สาเหตุเสียชีวิต | ภาวะไขกระดูกฝ่อ[2] |
พลเมือง |
|
ศิษย์เก่า | |
มีชื่อเสียงจาก |
|
คู่สมรส | ปีแยร์ กูว์รี (สมรส 1895; เสียชีวิต 1906) |
บุตร | |
รางวัล |
|
อาชีพทางวิทยาศาสตร์ | |
สาขา | |
สถาบันที่ทำงาน | |
วิทยานิพนธ์ | Recherches sur les substances radioactives (Research on Radioactive Substances) (1903) |
อาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาเอก | กาเบรียล ลิพพ์มานน์ |
ลูกศิษย์ในระดับปริญญาเอก | |
ลายมือชื่อ | |
หมายเหตุ | |
เธอป็นบุคคลเดียวที่ได้รับรางวัลโนเบลสองสาขาด้านวิทยาศาสตร์ |
มารี สกวอดอฟสกา-กูว์รี (โปแลนด์: Marie Skłodowska–Curie) มีชื่อแต่แรกเกิดว่า มาเรีย ซาลอแมอา สกวอดอฟสกา (โปแลนด์: Marya Salomea Skłodowska; ออกเสียง: [ˈmarja salɔˈmɛa skwɔˈdɔfska]; 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1867 – 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1934) เป็นนักเคมีผู้ค้นพบรังสีเรเดียม ที่ใช้ยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีอัตราการตายของคนไข้เป็นอันดับหนึ่งมาทุกยุคสมัย ด้วยผลงานที่มีความสำคัญต่อมนุษยชาติเหล่านี้ ทำให้มารี กูว์รีได้รับรางวัลโนเบลถึง 2 ครั้งด้วยกัน
ประวัติ
[แก้]มารี กูว์รี เป็นชาวโปแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1867 ที่เมืองวอร์ซอ เขตวิสทูลา จักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศโปแลนด์[4] เป็นบุตรของบรอญิสวาวา (Bronisława) กับววาดึสวัฟ (Władysław) ววาดึสวัฟ (บิดา) เป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ และมักพาเธอมาที่ห้องปฏิบัติการเสมอ จึงทำให้เธอสนใจวิชาด้านวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เด็ก แม้จะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อรัสเซียมาปกครองโปแลนด์และบังคับให้ใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาทางการก็ตาม
ในสมัยนั้นค่านิยมในสังคมของผู้หญิงส่วนใหญ่จะต้องเรียนการเป็นแม่บ้าน ซึ่งมารี กูว์รี แตกต่างโดยสิ้นเชิง ที่ใส่ใจค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์
หลังจบการศึกษาระดับต้นแล้ว เธอกับพี่สาวก็ทำงานด้วยการเป็นครูสอนอนุบาล สอนหนังสือให้กับเด็ก ๆ แถว ๆ นั้น โดยทั้งสองมุ่งหวังอยากไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส แต่เงินไม่พอกับค่าใช้จ่าย เธอจึงให้บรอญาผู้เป็นพี่สาวไปเรียนต่อด้านแพทยศาสตร์ก่อน พอจบแล้วค่อยส่งเสียเธอเรียนต่อด้านวิทยาศาสตร์ต่อไป จนพี่สาวจบมาเธอก็ได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยปารีส สมใจแต่ด้วยเงินอันน้อยนิดจากพี่สาวไม่พอต่อค่าใช้จ่าย เธอจึงดิ้นรนหางานทำจนได้เป็นผู้ช่วยในห้องปฏิบัติการทางเคมีของปีแยร์ กูว์รี จนทั้งสองแต่งงานมีลูกด้วยกัน แต่ปีแยร์เสียชีวิตก่อนเพราะอุบัติเหตุรถม้าชน ระหว่างที่เรียนไปทำงานไป เธอก็มุ่งมั่นศึกษาทดลองไปเรื่อย ๆ จนมาพบรังสีแร่ธาตุเรเดียม โดยได้มาจากแร่พิตช์เบลนด์ที่เป็นออกไซต์ชนิดหนึ่งสามารถแผ่กระจายรังสีได้ จากการเพียรพยายามทดลองมาหลายปีในการสกัดแร่ชนิดต่าง ๆ จนมาพบรังสีดังกล่าวทำให้เธอได้รับปริญญาเอกในการค้นพบแร่ธาตุเรเดียม
จนใน ค.ศ. 1902 เธอก็สามารถสกัดแร่เรเดียมให้บริสุทธิ์ได้ เรียกว่า เรเดียมคลอไรด์ ที่สามารถแผ่รังสีได้มากกว่ายูเรเนียมหลายเท่า มีคุณสมบัติคือ ให้แสงสว่างและความร้อนได้ และเมื่อแร่นี้แผ่รังสีไปถูกวัตถุอื่น วัตถุนั้นจะเปลี่ยนสภาพเป็นธาตุกัมมันตรังสี และสามารถแผ่รังสีได้เช่นเดียวกันกับแร่เรเดียม จนทำให้เธอได้รับรางวัลโนเบลต่อมา
การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับแร่เรเดียมอย่างหนัก และต่อเนื่องกว่า 4 ปี ทำให้เธอได้รับรางวัลโนเบลอีกครั้ง แม้สามีจะเสียชีวิตก็ตาม ด้วยกำลังใจอันล้นเปี่ยม เมื่อเกิดภาวะสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งผู้คนส่วนมากล้มตายและถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เธอจึงอาสาสมัครเป็นอาสากาชาดเพื่อช่วยทหารที่บาดเจ็บ ในการเอกซเรย์เคลื่อนที่ตระเวนรักษาตามหน่วยต่าง ๆ จนสงครามสงบเธอก็กลับมาทำงาน แต่ก็ต้องล้มป่วยเพราะผลมาจากการทำงานหนัก และโดนรังสีเรเดียม ทำให้ไขกระดูกถูกทำลายและเสียชีวิตในเวลาต่อมา[5]
อนึ่ง มารี กูว์รี สามารถจดสิทธิบัตรได้ และทำให้เธอเป็นเศรษฐีได้ในพริบตา แต่เธอกลับเลือกที่จะมอบสิ่งที่เธอค้นพบให้กับโลก ทำให้เธอและครอบครัวเป็นเพียงครอบครัวนักวิทยาศาสตร์ที่มีฐานะยากจนตลอดจนเสียชีวิต
หลังการเสียชีวิตของ มารี กูว์รี หนึ่งในลูกสาวของเธออีแรน ฌอลีโย-กูว์รี ก็ได้ค้นคว้างานวิจัยของเธอต่อไป จนประสบความสำเร็จได้รับรางวัลโนเบลในเวลาต่อมา
รางวัลที่ได้รับ
[แก้]- รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ค.ศ. 1903 จากผลงานการพบธาตุเรเดียม[6]
- Davy Medal ค.ศ. 1903
- Matteucci Medal ค.ศ. 1904
- รางวัลโนเบลสาขาเคมี ค.ศ. 1911 จากผลงานการค้นคว้าหาประโยชน์จากธาตุเรเดียม[7]
การวิพากษ์วิจารณ์
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
หลังจากปีแยร์ กูว์รี สามีของเธอจากไป มารีเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้กับนักฟิสิกส์ที่มีภรรยาแล้ว มีหลักฐานปรากฏชัดเป็นจดหมายรักที่เธอเขียน เรื่องได้เปิดเผยสู่สาธารณชนก่อนที่เธอจะเข้ารับรางวัลโนเบลครั้งที่สอง มีผู้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์และกีดกันไม่ให้เธอเข้ารับรางวัล แต่เธอกลับกล่าวว่าเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับการรับรางวัล[ต้องการอ้างอิง]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อnobelprize
- ↑ Marie Curie profile, nationalstemcellfoundation. Accessed 16 July 2022.
- ↑ "ESPCI Paris : Prestige". www.espci.fr. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 September 2017. สืบค้นเมื่อ 26 September 2017.
- ↑ มารี กูรี นักเคมีชาวโปแลนด์เสียชีวิต
- ↑ มารี กูว์รี นักวิทยาศาสตร์หญิงผู้มีจิตใจอันประเสริฐ[ลิงก์เสีย]
- ↑ โนเบลสาขาฟิสิกส์ เก็บถาวร 2007-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์
- ↑ "ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2001-12-17. สืบค้นเมื่อ 2005-03-28.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ผลงานโดย มารี กูว์รี บนเว็บ LibriVox (หนังสือเสียง ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ)
- ผลงานโดย มารี กูว์รี ที่โอเพนไลบรารี
- ผลงานของ มารี กูว์รี ที่โครงการกูเทินแบร์ค
- ผลงานเกี่ยวกับ/โดย มารี กูว์รี ที่อินเทอร์เน็ตอาร์ไคฟ์
- กฤตภาคจากหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับ มารี กูว์รี ในหอจดหมายเหตุข่าวสารคริสต์ศตวรรษที่ 20 ของ ZBW
- มารี กูว์รี ที่ Nobelprize.org
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2410
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2477
- กัมมันตรังสี
- นักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศส
- นักเคมีชาวโปแลนด์
- นักฟิสิกส์ชาวโปแลนด์
- ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์
- ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี
- ผู้ได้รับรางวัลโนเบลมากกว่าหนึ่งครั้ง
- ชาวโปแลนด์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล
- ชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับรางวัลโนเบล
- ผู้หญิงผู้ได้รับรางวัลโนเบล
- นักวิทยาศาสตร์หญิง
- บุคคลจากวอร์ซอ
- เสียชีวิตจากโรคเลือด
- บุคคลจากมหาวิทยาลัยปารีส
- บุคคลที่เคยนับถือศาสนาคริสต์