สัทอักษรสากล
สัทอักษรสากล | |
---|---|
"IPA" ใน IPA ([aɪ pʰiː eɪ]) | |
ชนิด | อักษร
บางส่วนเป็นลักษณะเฉพาะ |
ช่วงยุค | ตั้งแต่ ค.ศ.1888 |
ภาษาพูด | ใช้เป็นสัทศาสตร์และหน่วยเสียงของแต่ละภาษา |
อักษรที่เกี่ยวข้อง | |
ระบบแม่ | |
ISO 15924 | |
ISO 15924 | Latn (215), Latin |
ยูนิโคด | |
ยูนิโคดแฝง | Latin |
สัทอักษรสากล (อังกฤษ: International Phonetic Alphabet: IPA) คือสัทอักษรชุดหนึ่งที่พัฒนาโดยสมาคมสัทศาสตร์สากล โดยมุ่งหมายให้เป็นสัญกรณ์มาตรฐานสำหรับการแทนเสียงพูดในทุกภาษา นักภาษาศาสตร์ใช้สัทอักษรสากลเพื่อแทนหน่วยเสียงต่าง ๆ ที่อวัยวะออกเสียงของมนุษย์สามารถเปล่งเสียงได้ โดยแทนหน่วยเสียงแต่ละหน่วยเสียงด้วยสัญลักษณ์เฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน สัญลักษณ์ในสัทอักษรสากลนั้นส่วนใหญ่นำมาจากหรือดัดแปลงจากอักษรโรมัน สัญลักษณ์บางตัวนำมาจากอักษรกรีก และบางตัวประดิษฐ์ขึ้นใหม่โดยไม่สัมพันธ์กับอักษรภาษาใดเลย สำหรับ ตารางสัทอักษรในภาษาไทย ดูได้ที่ ภาษาไทย
ประวัติ
[แก้]สัทอักษรสากลเมื่อเริ่มแรกพัฒนาขึ้นโดยคณะของครูสอนภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ซึ่งนำโดย พอล แพสซี พร้อม ๆ กับการก่อตั้งสมาคมสัทศาสตร์สากลขึ้นในกรุงปารีสเมื่อ ค.ศ. 1886 (ทั้งสมาคมและสัทอักษรสากลใช้คำย่อในภาษาอังกฤษว่า IPA เหมือนกัน) สัทอักษรสากลรุ่นแรกอย่างเป็นทางการได้รับการตีพิมพ์ใน Passy (1888) โดยคณะผู้พัฒนาใช้อักษรโรมิก (Romic alphabet) ของ เฮนรี สวีต (Sweet 1880-1881, 1971) เป็นพื้นฐาน ซึ่งอักษรโรมิกนั้นก็นำรูปแบบมาจากอักษรฟอนอไทปิก (Phonotypic Alphabet) ของ ไอแซก พิตแมน และ แอลิกแซนเดอร์ จอห์น เอลลิส อีกทีหนึ่ง (Kelly 1981)
หลังจากนั้น สัทอักษรสากลได้ผ่านการชำระปรับปรุงอีกหลายครั้ง โดยครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งมีขึ้นในการประชุมของสมาคมฯ ที่คีลเมื่อ ค.ศ. 1989 การชำระครั้งล่าสุดมีขึ้นใน ค.ศ. 1993 และมีการปรับปรุงอีกครั้งใน ค.ศ. 1996
รายละเอียด
[แก้]ในชุดสัทอักษรสากล ส่วนใหญ่ของสัญลักษณ์แทนหน่วยเสียงพยัญชนะที่มีรูปร่างเหมือนกับพยัญชนะในอักษรละตินนั้น จะมีค่าของเสียง (sound-value) สัมพันธ์กับเสียงของพยัญชนะเดียวกันในภาษายุโรปส่วนใหญ่ รวมทั้งภาษาอังกฤษด้วย สัญลักษณ์ในประเภทนี้ประกอบด้วย [p], [b], [t], [d], [k], [g], [m], [n], [f], [v], [s], [h], [z], [l] และ [w]
สัญลักษณ์แทนหน่วยเสียงสระที่มีรูปร่างเหมือนกับสระในอักษรละติน ซึ่งได้แก่ [a], [e], [i], [o], [u] จะมีค่าของเสียงสัมพันธ์กับสระเดียวกันในภาษาเยอรมัน สเปน หรืออิตาลี โดยประมาณ หรืออาจเทียบกับเสียงสระในภาษาไทยได้เป็น อะ, เอะ, อิ, โอะ และ อุ ตามลำดับ
สัญลักษณ์อื่น ๆ ที่เหลือในส่วนที่นำมาจากอักษรละตินนั้น เช่น [j], [r], [c] และ [y] จะสัมพันธ์กับเสียงของตัวอักษรเดียวกันในภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น [j] มีค่าของเสียงเหมือนกับ j ในภาษาเยอรมัน สแกนดิเนเวีย หรือดัตช์ หรืออาจเทียบได้กับเสียง ย ในภาษาไทย เป็นต้น ข้อสำคัญของหลักเกณฑ์การกำหนดใช้สัทอักษรสากลคือ ใช้สัญลักษณ์เพียงตัวเดียวสำหรับหน่วยเสียงแต่ละหน่วย โดยหลีกเลี่ยงการประสมอักษรอย่างเช่น sh และ th ในการเขียนภาษาอังกฤษ
อักษรหลายตัวมาจากอักษรกรีก แต่ส่วนมากจะถูกดัดแปลง ได้แก่ ⟨ɑ⟩, ⟨ꞵ⟩, ⟨ɣ⟩, ⟨ɛ⟩, ⟨ɸ⟩, ⟨ꭓ⟩, และ ⟨ʋ⟩ ซึ่งอยู่ในยูนิโคดแยกต่างหาก ยกเว้น ⟨θ⟩
อักษรที่มีตะขอด้านขวา ⟨ʈ ɖ ɳ ɽ ʂ ʐ ɻ ɭ⟩ บอกถึงปลายลิ้นม้วน มาจากตัว r
แผนภูมิสัทอักษรสากล
[แก้]บทความนี้มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากลปรากฏอยู่ คุณอาจต้องการไทป์เฟซที่รองรับยูนิโคดเพื่อการแสดงผลที่สมบูรณ์ |
พยัญชนะ (ใช้ลมปอด)
[แก้]ตำแหน่งเกิดเสียง → | ริมฝีปาก | ลิ้นส่วนหน้า | ลิ้นส่วนหลัง | โคนลิ้น | (ไม่มี) | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลักษณะการออกเสียง ↓ | ริมฝีปาก | ริมฝีปากกับฟัน | ฟัน | ปุ่มเหงือก | หลังปุ่มเหงือก | ปลายลิ้นม้วน | เพดานแข็ง | เพดานอ่อน | ลิ้นไก่ | ช่องคอ | ลิ้นปิดกล่องเสียง | เส้นเสียง | |||||
นาสิก | m | ɱ | n | ɳ | ɲ | ŋ | ɴ | ||||||||||
ระเบิด | p b | p̪ b̪ | t d | ʈ ɖ | c ɟ | k ɡ | q ɢ | ʡ | ʔ | ||||||||
เสียดแทรก | ɸ β | f v | θ ð | s z | ʃ ʒ | ʂ ʐ | ç ʝ | x ɣ | χ | ʁ | ħ | ʕ | ʜ | ʢ | h ɦ | ||
เปิด | β̞ | ʋ | ɹ | ɻ | j | ɰ | |||||||||||
รัว | ʙ | r | * | ʀ | * | ||||||||||||
ลิ้นกระทบหรือลิ้นสะบัด | ̟ (ѵ̟) | (ѵ) | ɾ | ɽ | * | ||||||||||||
เสียดแทรกข้างลิ้น | ɬ ɮ | * | * | * | |||||||||||||
เปิดข้างลิ้น | l | ɭ | ʎ | ʟ | |||||||||||||
สะบัดข้างลิ้น | ɺ | * | * | * |
- ในแถวที่มีสัญลักษณ์ปรากฏคู่กัน (อ็อบสตรูอันต์) ตัวซ้ายมือจะแทนเสียงอโฆษะหรือเสียงไม่ก้อง และตัวขวามือจะแทนเสียงโฆษะหรือเสียงก้อง (ยกเว้น [ɦ] ซึ่งเป็นเสียงพูดลมแทรก) อย่างไรก็ตาม เสียง [ʔ] ไม่สามารถก้องได้ และการออกเสียง [ʡ] ยังกำกวม ส่วนในแถวอื่น ๆ (ซอนอรันต์) สัญลักษณ์ที่อยู่เดี่ยว ๆ ก็จะแทนเสียงโฆษะเช่นกัน
- ช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันหมายถึงเสียงนั้น (ยัง) ไม่มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากลอย่างเป็นทางการ
- ช่องสีเทาแสดงว่าการออกเสียงเช่นนั้นไม่สามารถกระทำได้
- สัญลักษณ์ [ʁ, ʕ, ʢ] แทนทั้งเสียงเสียดแทรกโฆษะและเสียงเปิดโฆษะ
- [h] และ [ɦ] ไม่ใช่เสียงเส้นเสียง เสียงเสียดแทรก หรือเสียงเปิดอย่างแท้จริง แต่เป็นการเปล่งเสียงพูด (phonation) มากกว่า
พยัญชนะ (ไม่ใช้ลมปอด)
[แก้]เสียงเดาะ | กักเส้นเสียงลมเข้า | กักเส้นเสียงลมออก | |||
---|---|---|---|---|---|
ʘ | ริมฝีปาก | ɓ | ริมฝีปาก | ʼ | ตัวอย่าง: |
ǀ | ฟัน | ɗ | ฟัน/ปุ่มเหงือก | pʼ | ริมฝีปาก |
ǃ | (หลัง)ปุ่มเหงือก | ʄ | เพดานแข็ง | tʼ | ฟัน/ปุ่มเหงือก |
ǂ | เพดานแข็ง | ɠ | เพดานอ่อน | kʼ | เพดานอ่อน |
ǁ | ปุ่มเหงือก
เปิดข้างลิ้น |
ʛ | ลิ้นไก่ | sʼ | เสียงแทรก
ที่ปุ่มเหงือก |
สระ
[แก้]หน้า | กลาง | หลัง | |||
---|---|---|---|---|---|
ปิด | i y | ɨ ʉ | ɯ u | ||
ɪ ʏ | - ʊ | ||||
กึ่งปิด | e ø | ɘ ɵ | ɤ o | ||
e̞ ø̞ | ə | ɤ̞ o̞ | |||
กึ่งเปิด | ɛ œ | ɜ ɞ | ʌ ɔ | ||
æ | ɐ | ||||
เปิด | a ɶ | ä - | ɑ ɒ |
ในตำแหน่งที่มีสัทธอักษรสองตัว อักษรทางขวาเป็นสระปากห่อ
ริมฝีปาก | ปุ่มเหงือก | ลิ้นปิดกล่องเสียง | ||
---|---|---|---|---|
เพดานอ่อน | เพดานแข็ง | |||
เสียดแทรก | ʍ | ɕ ʑ | ʜ ʢ | |
เปิด | w | ก้อง: ɥ | กัก: ʡ | |
ʃ กับ x พร้อมกัน: ɧ | กระดกลิ้นแบบก้องเปิดข้างลิ้น: ɺ |
หากจำเป็น สามารถบรรยายเสียงกักเสียดแทรกและเสียงร่วมฐานกรณ์ได้โดยการเขียนเส้นโยงระหว่างอักษรทั้งสองตัว t͜s k͡p
เครื่องหมายเสริม
[แก้]ความเป็นพยางค์ในตัว | |||||
---|---|---|---|---|---|
◌̩ | ɹ̩ n̩ | เป็นพยางค์ | ◌̯ | ɪ̯ ʊ̯ | ไม่เป็นพยางค์ |
◌̍ | ɻ̍ ŋ̍ | ◌̑ | y̑ | ||
การปล่อยเสียง | |||||
◌ʰ | tʰ | เสียงพ่นลม | ◌̚ | p̚ | ปล่อยโดยไร้เสียง |
◌ⁿ | dⁿ | ปล่อยทางจมูก | ◌ˡ | dˡ | ปล่อยทางข้างลิ้น |
การออกเสียงก้อง | |||||
◌̥ | n̥ d̥ | เสียงไม่ก้อง | ◌̬ | s̬ t̬ | เสียงก้อง |
◌̊ | ɻ̊ ŋ̊ | ||||
◌̤ | b̤ a̤ | เสียงก้องต่ำทุ้ม | ◌̰ | b̰ a̰ | เสียงก้องเครียด |
ตำแหน่งลิ้น | |||||
◌̪ | t̪ d̪ | สัมผัสฟัน | ◌̼ | t̼ d̼ | เสียงลิ้นกับริมฝีปากบน |
◌͆ | ɮ͆ | ||||
◌̺ | t̺ d̺ | สัมผัสด้วยสุดปลายลิ้น | ◌̻ | t̻ d̻ | สัมผัสด้วยปลายลิ้น |
◌̟ | u̟ t̟ | ค่อนไปข้างหน้า | ◌̠ | i̠ t̠ | ค่อนไปข้างหลัง |
◌˖ | ɡ˖ | ◌˗ | y˗ ŋ˗ | ||
◌̈ | ë ä | ค่อนไปตรงกลาง | ◌̽ | e̽ ɯ̽ | ค่อนไปที่ศูนย์กลาง |
◌̝ | e̝ r̝ | สูงกว่าปกติ | ◌̞ | e̞ β̞ | ต่ำกว่าปกติ |
◌˔ | ɭ˔ | ◌˕ | y˕ ɣ˕ | ||
การออกเสียงร่วม | |||||
◌̹ | ɔ̹ x̹ | ห่อปากมากกว่า | ◌̜ | ɔ̜ xʷ̜ | ห่อปากน้อยกว่า |
◌͗ | y͗ χ͗ | ◌͑ | y͑ χ͑ʷ | ||
◌ʷ | tʷ dʷ | ฐานกรณ์ร่วมที่ริมฝีปาก | ◌ʲ | tʲ dʲ | ฐานกรณ์ร่วมที่เพดานแข็ง |
◌ˠ | tˠ dˠ | ฐานกรณ์ร่วมที่เพดานอ่อน | ◌̴ | ɫ ᵶ | ฐานกรณ์ร่วมที่
เพดานอ่อนหรือช่องคอ |
◌ˤ | tˤ aˤ | ฐานกรณ์ร่วมที่ช่องคอ | |||
◌̘ | e̘ o̘ | ยื่นโคนลิ้น | ◌̙ | e̙ o̙ | หดโคนลิ้น |
◌̃ | ẽ z̃ | นาสิก | ◌˞ | ɚ ɝ | ปลายลิ้นม้วนกลับ |
เสียงวรรณยุกต์
[แก้]ระดับคงที่ | เปลี่ยนระดับ | ||||
---|---|---|---|---|---|
e̋ | ˥ | สูง | ě | ˩˥ | ขึ้น |
é | ˦ | ค่อนข้างสูง | ê | ˥˩ | ลง |
ē | ˧ | กลาง | ᷄e | ˧˥ | ขึ้นจากระดับสูง |
è | ˨ | ค่อนข้างต่ำ | ᷅e | ˩˧ | ขึ้นจากระดับต่ำ |
ȅ | ˩ | ต่ำ | ᷈e | ˧˦˨ | ขึ้นแล้วลง |
ꜜ | ลดระดับ | ↗ | ทำนองเสียงขึ้น | ||
ꜛ | ยกระดับ | ↘ | ทำนองเสียงลง |
สัญลักษณ์ระบุลักษณะการออกเสียง
[แก้]ˈ | เสียงเน้นหลัก |
ˌ | เสียงเน้นรอง |
ː | เสียงยาว |
ˑ | เสียงกึ่งยาว |
˘ | เสียงสั้นพิเศษ |
. | แยกพยางค์ของเสียง |
| | กลุ่มย่อย (foot) |
‖ | กลุ่มหลัก (intonation) |
‿ | เสียงต่อเนื่อง |
วงเล็บเหลี่ยมและทับ
[แก้]การอธิบายถึงสัทอักษรสากล ใช้เครื่องหมายปิดหน้าหลังสองรูปแบบได้แก่
- [วงเล็บเหลี่ยม] ใช้สำหรับแสดงรายละเอียดการออกเสียงเชิงสัทศาสตร์ และอาจรวมถึงรายละเอียดที่อาจไม่สามารถใช้จำแนกคำในภาษาที่กำลังทับศัพท์ ซึ่งผู้เขียนก็ยังคงต้องการแสดงรายละเอียดเช่นนั้น
- /ทับ/ ใช้สำหรับกำกับหน่วยเสียง ซึ่งแตกต่างกันเป็นเอกเทศในภาษานั้น โดยไม่มีรายละเอียดที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ
ตัวอย่างเช่น หน่วยเสียง /p/ ในคำว่า pin และ spin ของภาษาอังกฤษ โดยแท้จริงออกเสียงแตกต่างกันเล็กน้อย ความแตกต่างนี้ไม่มีนัยสำคัญในภาษาอังกฤษ (แต่ก็อาจมีนัยสำคัญในภาษาอื่น) ดังนั้นการอธิบายการออกเสียงเชิงหน่วยเสียงจึงเป็น /pɪn/ และ /spɪn/ ซึ่งแสดงด้วยหน่วยเสียง /p/ เหมือนกัน อย่างไรก็ดี เพื่อให้เห็นความแตกต่างดังกล่าว (เสียงแปรต่าง ๆ ของ /p/) สามารถอธิบายเชิงสัทศาสตร์ได้เป็น [pʰɪn] และ [spɪn]
อ้างอิง
[แก้]- Albright, Robert W. (1958). The International Phonetic Alphabet: Its background and development. International journal of American linguistics (Vol. 24, No. 1, Part 3) ; Indiana University research center in anthropology, folklore, and linguistics, publ. 7. Baltimore. (Doctoral dissertation, Standford University, 1953).
- Ball, Martin J.; Esling, John H.; & Dickson, B. Craig. (1995). The VoQS system for the transcription of voice quality. Journal of the International Phonetic Alphabet, 25 (2) , 71-80.
- Duckworth, M.; Allen, G.; Hardcastle, W.; & Ball, M. J. (1990). Extensions to the International Phonetic Alphabet for the transcription of atypical speech. Clinical Linguistics and Phonetics, 4, 273-280.
- Ellis, Alexander J. (1869-1889). On early English pronunciation (Parts 1 & 5). London: Philological Society by Asher & Co.; London: Trübner & Co.
- Hill, Kenneth C. (1988). [Review of Phonetic symbol guide by G. K. Pullum & W. Ladusaw]. Language, 64 (1) , 143-144.
- Hultzen, Lee S. (1958). [Review of The International Phonetic Alphabet: Its backgrounds and development by R. W. Albright]. Language, 34 (3) , 438-442.
- International Phonetic Association. (1989). Report on the 1989 Kiel convention. Journal of the International Phonetic Association, 19 (2) , 67-80.
- International Phonetic Association. (1999). Handbook of the International Phonetic Association: A guide to the use of the International Phonetic Alphabet. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 0-521-65236-7 (hb) ; ISBN 0-521-63751-1 (pb).
- Jespersen, Otto. (1889). The articulations of speech sounds represented by means of analphabetic symbols. Marburg: Elwert.
- Jones, Daniel. (1989). English pronouncing dictionary (14 ed.). London: Dent.
- Kelly, John. (1981). The 1847 alphabet: An episode of phonotypy. In R. E. Asher & E. J. A. Henderson (Eds.) , Towards a history of phonetics. Edinburgh: Edinburgh University Press.
- Kemp, J. Alan. (1994). Phonetic transcription: History. In R. E. Asher & J. M. Y. Simpson (Eds.) , The encyclopedia of language and linguistics (Vol. 6, pp. 3040-3051). Oxford: Pergamon.
- Ladefoged, Peter. (1990). The revised International Phonetic Alphabet. Language, 66 (3) , 550-552.
- Ladefoged, Peter; & Halle, Morris. (1988). Some major features of the International Phonetic Alphabet. Language, 64 (3) , 577-582.
- MacMahon, Michael K. C. (1996). Phonetic notation. In P. T. Daniels & W. Bright (Ed.) , The world's writing systems (pp. 821-846). New York: Oxford University Press. ISBN 0-19-507993-0.
- Passy, Paul. (1888). Our revised alphabet. The Phonetic Teacher, 57-60.
- Pike, Kenneth L. (1943). Phonetics: A critical analysis of phonetic theory and a technic for the practical description of sounds. Ann Arbor: University of Michigan Press.
- Pullum, Geoffrey K.; & Laduslaw, William A. (1986). Phonetic symbol guide. Chicago: University of Chicago Press. ISBN 0-226-68532-2.
- Sweet, Henry. (1880-1881). Sound notation. Transactions of the Philological Society, 177-235.
- Sweet, Henry. (1971). The indispensible foundation: A selection from the writings of Henry Sweet. Henderson, Eugénie J. A. (Ed.). Language and language learning 28. London: Oxford University Press.
- Wells, John C. (1987). Computer-coded phonetic transcription. Journal of the International Phonetic Association, 17, 94-114.