โอกาเนสซอน
ออกาเนสซอน | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|
การอ่านออกเสียง |
| |||||
รูปลักษณ์ | ไม่ทราบ | |||||
เลขมวล | [294] | |||||
ออกาเนสซอนในตารางธาตุ | ||||||
| ||||||
หมู่ | group 18 (noble gases) | |||||
คาบ | คาบที่ 7 | |||||
บล็อก | บล็อก-p | |||||
การจัดเรียงอิเล็กตรอน | [Rn] 5f14 6d10 7s2 7p6 (predicted)[3][4] | |||||
จำนวนอิเล็กตรอนต่อชั้น | 2, 8, 18, 32, 32, 18, 8 (คาดว่า) | |||||
สมบัติทางกายภาพ | ||||||
วัฏภาค ณ STP | ของแข็ง (คาดว่า)[5] | |||||
จุดเดือด | 350±30 K (80±30 °C, 170±50 (คาดว่า)[5] °F) | |||||
Density เมื่อเป็นของเหลว (ณ m.p.) | 4.9–5.1 (คาดว่า)[5] g/cm3 | |||||
Critical point | 439 K, 6.8 (extrapolated)[6] MPa | |||||
ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว | 23.5 (คาดว่า)[5] kJ/mol | |||||
ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ | 19.4 (extrapolated)[6] kJ/mol | |||||
สมบัติเชิงอะตอม | ||||||
เลขออกซิเดชัน | (−1),[4] (0), (+1),[7] (+2),[8] (+4),[8] (+6)[4] (predicted) | |||||
รัศมีโคเวเลนต์ | 157 (คาดว่า)[5] pm | |||||
สมบัติอื่น | ||||||
เลขทะเบียน CAS | 54144-19-3[9] | |||||
ประวัติศาสตร์ | ||||||
การทำนาย | นีลส์ บอร์ (1922) | |||||
การค้นพบ | สถาบันร่วมเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอว์เรนซ์ ลิเวอร์มอร์ (2002) | |||||
ไอโซโทปของออกาเนสซอน | ||||||
ไม่มีหน้า แม่แบบ:กล่องข้อมูลไอโซโทปของออกาเนสซอน | ||||||
โอกาเนสซอน (อังกฤษ: Oganesson) เป็นชื่อที่ตั้งโดยสหภาพเคมีบริสุทธิ์และเคมีประยุกต์ระหว่างประเทศ[12] สำหรับธาตุหลังแอกทิไนด์ที่มีเลขอะตอมเท่ากับ 118 และมีสัญลักษณ์คือ Og โอกาเนสซอนยังรู้จักกันในชื่อว่า เอคา-เรดอน หรือ ธาตุ 118 และบนตารางธาตุ มันถูกจัดให้อยู่ในบล็อก-p และเป็นธาตุตัวสุดท้ายบนคาบที่ 7 ปัจจุบัน โอกาเนสซอนเป็นธาตุสังเคราะห์เพียงตัวเดียวของธาตุหมู่ 18 มันยังเป็นธาตุที่มีเลขอะตอมและมวลอะตอมมากที่สุดเท่าที่ค้นพบในปัจจุบัน
อะตอมกัมมันตรังสีของโอกาเนสซอนมีความไม่เสถียรสูงมาก เนื่องด้วยค่ามวลที่สูง และนับตั้งแต่ พ.ศ. 2548 มีเพียงสามในสี่อะตอมของไอโซโทป 294Og ที่ถูกตรวจจับได้[13] แม้ว่านี่จะทำให้การสำรวจเพื่อระบุลักษณะสมบัติ และสารประกอบของธาตุเป็นไปได้ยาก แต่การคำนวณในทางทฤษฎีก็ไปตรงกับการทำนายจำนวนมาก รวมทั้งการคำนวณที่ไม่ได้ผลออกมาตรงกัน เช่น แม้ว่าโอกาเนสซอนจะอยู่ในหมู่ 18 มันอาจจะไม่ใช่แก๊สมีสกุล ต่างกับธาตุอื่นๆในหมู่ 18[3] แต่เดิมมันถูกทำนายว่าเป็นแก๊ส ณ ภาวะมาตรฐาน แต่ปัจจุบัน มันถูกทำนายว่าจะเป็นของแข็ง เนื่องด้วยผลกระทบจากความสัมพันธ์ระหว่างธาตุเคมี[3]
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2016 สหภาพเคมีบริสุทธิ์และเคมีประยุกต์ระหว่างประเทศได้เสนอชื่อ โอกาเนสซอน (oganesson; สัญลักษณ์ธาตุ Og) เป็นชื่อทางการของธาตุนี้ ชื่อ "โอกาเนสซอน" มาจากชื่อยูริ โอกาเนสเซียน นักฟิสิกส์นิวเคลียร์ชาวรัสเซีย[14]
ประวัติ
[แก้]การพยายามสังเคราะห์ที่ไม่ประสบผลสำเร็จ
[แก้]ปลายปี พ.ศ. 2541 รอแบร์ต สมอลัญชุก นักฟิสิกส์ชาวโปแลนด์ ตีพิมพ์ผลการคำนวณของการหลอมรวมของนิวเคลียสอะตอมที่เกิดขึ้นระหว่างการสังเคราะห์ธาตุเคมีหนักยิ่งยวด รวมถึง อูนอูนออกเทียม[15] การคำนวณของเขาให้ผลออกมาว่าเป็นไปได้ที่จะสร้างอูนอูนออกเทียมขึ้นมาจากการหลอมรวมตะกั่วและคริปทอนเข้าด้วยกัน ภายใต้ภาวะที่ถูกควบคุมไว้อย่างดี[15]
ในปี พ.ศ. 2542 นักวิจัยที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอว์เรนซ์เบิร์กลีย์ ใช้การทำนายนี้สร้างอะตอมขึ้นมา และประกาศการค้นพบลิเวอร์มอเรียม และอูนอูนออกเทียม ในหนังสือ Physical Review Letters[16] ต่อมาไม่นาน ผลการค้นพบก็ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสารไซเอินซ์[17] นักวิจัยรายงานว่าเขาสร้างด้วยปฏิกิริยานี้
ปีต่อมา นักวิจัยได้ตีพิมพ์เอกสารเพิกถอนการค้นพบ หลังจากที่นักวิจัยในห้องปฏิบัติการอื่น ไม่สามารถสร้างอะตอมได้ด้วยวิธีเดียวกันนี้ และที่ห้องปฏิบัติการเบิร์กลีย์เองก็ไม่สามารถสร้างอะตอมขึ้นมาได้อีกครั้ง[18] ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2545 ผู้อำนวยการของห้องปฏิบัติการได้ประกาศว่าการค้นพบธาตุสองตัวนั้น อยู่บนพื้นฐานของผลการวิจัยจากวิกเตอร์ นิมอฟ[19][20]
รายงานการค้นพบ
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การปรากฏ สมบัติ และปฏิกิริยาเคมี
[แก้]อูนอูนออกเทียม คาดว่าเป็นสารบริสุทธิ์เสมอ และเป็นแก๊สที่ STP ไม่มีสี เป็นธาตุสังเคราะห์ เป็นธาตุกัมมันตรังสี และเป็นธาตุหนักยิ่งยวด (superheavy element)
ซึ่งเป็นผลผลิตจากการปะทะกันระหว่าง อะตอมของ แคลิฟอร์เนียม-249 กับ อิออนของ แคลเซียม-48 [21] ดังสมการ
โอกาสการเกิดปฏิกิริยาฟิวชันน้อยมาก เพราะภาคตัดขวางพื้นที่ปฏิกิริยานิวเคลียร์เท่ากับ 0.5 pb (5×10−41 m2) มากกว่า อิออนของแคลเซียมซึ่งเท่ากับ 4×1019 m2 จึงเกิดปฏิกิริยาฟิวชันเพียง 3 ครั้งเท่านั้น
คณะวิจัยในดุบนาได้สังเกต การสลายตัวของอูนอูนออกเทียม-294 พบว่า มีครึ่งชีวิต 0.89 มิลลิวินาที โดยสลายตัวให้ รังสีแอลฟา แล้วกลายเป็น อูนอูนเฮกเซียม-290 เนื่องจากมีเพียง 3 นิวเคลียส เวลาครึ่งชีวิตจึงยังไม่แน่ชัด โดยมีความคลาดเคลื่อนในช่วง 0.89-0.31+1.07 ms
การระบุนิวเคลียสของ อูนอูนออกเทียม-294 ถูกพิสูจน์โดยการสังเคราะห์แยกนิวเคลียสลูก อูนอูนเฮกเซียม-290 ตามสมมติฐาน โดยวิธีกระหน่ำยิงอะตอม คูเรียม-245 ด้วยอิออน แคลเซียม-48 ดังสมการ
แล้วตรวจว่า อูนอูนเฮกเซียม-290 สลายตัวสัมพันธ์กับลูกโซ่การสลายตัวของนิวเคลียส อูนอูนออกเทียม-294
นิวเคลียสลูก อูนอูนเฮกเซียม-290 ไม่เสถียรอย่างมาก โดยสลายตัวด้วยครึ่งชีวิต 14 มิลลิวินาที กลายเป็น อูนอูนควอเดียม-286 ซึ่งอาจเกิดปฏิกิริยาฟิสชันด้วยตนเอง หรือไม่ก็สลายตัวให้รังสีแอลฟา กลายเป็น อูนอูนเบียม-282 ก่อนแล้วจึงเกิดปฏิกิริยาฟิสชันด้วยตนเอง [22]
ประวัติการค้นพบและการศึกษา
[แก้]เมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2549 (2006) คณะวิจัยจากสถาบันความร่วมมือเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์ ดุบนา สหพันธรัฐรัสเซีย ประกาศผลการค้นพบ ซึ่งเขาตรวจสอบทางอ้อมกับ นิวเคลียสทั้งสามของ อูนอูนออกเทียม-294 (นิวเคลียสแรก เมื่อ พ.ศ. 2545 (2002) และอีกสองนิวเคลียส เมื่อ พ.ศ. 2548 (2005)) [23]
ปัจจุบันมีการสังเคราะห์แล้วเพียง 3 อะตอม [24]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Oganesson. The Periodic Table of Videos. University of Nottingham. December 15, 2016.
- ↑ Ritter, Malcolm (June 9, 2016). "Periodic table elements named for Moscow, Japan, Tennessee". Associated Press. สืบค้นเมื่อ December 19, 2017.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 Nash, Clinton S. (2005). "Atomic and Molecular Properties of Elements 112, 114, and 118". Journal of Physical Chemistry A. 109 (15): 3493–3500. Bibcode:2005JPCA..109.3493N. doi:10.1021/jp050736o. PMID 16833687.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 Hoffman, Darleane C.; Lee, Diana M.; Pershina, Valeria (2006). "Transactinides and the future elements". ใน Morss; Edelstein, Norman M.; Fuger, Jean (บ.ก.). The Chemistry of the Actinide and Transactinide Elements (3rd ed.). Dordrecht, The Netherlands: Springer Science+Business Media. ISBN 978-1-4020-3555-5. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "Haire" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5 5.6 Bonchev, Danail; Kamenska, Verginia (1981). "Predicting the Properties of the 113–120 Transactinide Elements". J. Phys. Chem. 85: 1177–1186.
- ↑ 6.0 6.1 Eichler, R.; Eichler, B., Thermochemical Properties of the Elements Rn, 112, 114, and 118 (PDF), Paul Scherrer Institut, สืบค้นเมื่อ 2010-10-23
- ↑ 7.0 7.1 Han, Young-Kyu; Bae, Cheolbeom; Son, Sang-Kil; Lee, Yoon Sup (2000). "Spin–orbit effects on the transactinide p-block element monohydrides MH (M=element 113–118)". Journal of Chemical Physics. 112 (6): 2684. Bibcode:2000JChPh.112.2684H. doi:10.1063/1.480842. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "hydride" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 Kaldor, Uzi; Wilson, Stephen (2003). Theoretical Chemistry and Physics of Heavy and Superheavy Elements. Springer. p. 105. ISBN 978-1402013713. สืบค้นเมื่อ 2008-01-18. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "Kaldor" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ "Ununoctium". WebElements Periodic Table. สืบค้นเมื่อ 2007-12-09.
- ↑ Nash, Clinton S. (2005). "Atomic and Molecular Properties of Elements 112, 114, and 118". Journal of Physical Chemistry A. 109 (15): 3493–3500. doi:10.1021/jp050736o. PMID 16833687.
- ↑ doi:10.1103/PhysRevC.74.044602
This citation will be automatically completed in the next few minutes. You can jump the queue or expand by hand - ↑ Wieser, M.E. (2006). "Atomic weights of the elements 2005 (IUPAC Technical Report)". Pure Appl. Chem. 78 (11): 2051–2066. doi:10.1351/pac200678112051.
- ↑ "The Top 6 Physics Stories of 2006". Discover Magazine. 2007-01-07. สืบค้นเมื่อ 2008-01-18.
- ↑ "IUPAC Is Naming The Four New Elements Nihonium, Moscovium, Tennessine, And Oganesson". IUPAC. 2016-06-08. สืบค้นเมื่อ 2016-06-08.
- ↑ 15.0 15.1 Smolanczuk, R. (1999). "Production mechanism of superheavy nuclei in cold fusion reactions". Physical Review C. 59 (5): 2634–2639. Bibcode:1999PhRvC..59.2634S. doi:10.1103/PhysRevC.59.2634.
- ↑ Ninov, Viktor (1999). "Observation of Superheavy Nuclei Produced in the Reaction of แม่แบบ:SimpleNuclide with แม่แบบ:SimpleNuclide". Physical Review Letters. 83 (6): 1104–1107. Bibcode:1999PhRvL..83.1104N. doi:10.1103/PhysRevLett.83.1104.
- ↑ Service, R. F. (1999). "Berkeley Crew Bags Element 118". Science. 284 (5421): 1751. doi:10.1126/science.284.5421.1751.
- ↑ Public Affairs Department (2001-07-21). "Results of element 118 experiment retracted". Berkeley Lab. สืบค้นเมื่อ 2008-01-18.
- ↑ Dalton, R. (2002). "Misconduct: The stars who fell to Earth". Nature. 420 (6917): 728–729. Bibcode:2002Natur.420..728D. doi:10.1038/420728a. PMID 12490902.
- ↑ Element 118 disappears two years after it was discovered เก็บถาวร 2007-10-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Physicsworld.com. Retrieved on 2012-04-02.
- ↑ "Phil Schewe กับ Ben Stein. [[American Institute of Physics]], 2006". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-01-01. สืบค้นเมื่อ 2007-10-30.
- ↑ [http://link.aps.org/abstract/PRC/v74/e044602 Yu. Ts. Oganessian. Utyonkov, V.K.; Lobanov, Yu.V.; Abdullin, F.Sh.; Polyakov, A.N.; Sagaidak, R.N.; Shirokovsky, I.V.; Tsyganov, Yu.S.; Voinov, Yu.S.; Gulbekian, G.G.; Bogomolov, S.L.; B. N. Gikal, A. N. Mezentsev, S. Iliev; Subbotin, V.G.; Sukhov, A.M.; Subotic, K; Zagrebaev, V.I.; Vostokin, G.K.; Itkis, M. G.; Moody, K.J; Patin, J.B.; Shaughnessy, D.A.; Stoyer, M.A.; Stoyer, N.J.; Wilk, P.A.; Kenneally, J.M.; Landrum, J.H.; Wild, J.H.; and Lougheed, R.W. Synthesis of the isotopes of elements 118 and 116 in the 249Cf and 245Cm+48Ca fusion reactions. Physical Review C. vol.47 issue 4, 044602
- ↑ Katherine Sanderson. Nature journal) , 2006
- ↑ [http://discovermagazine.com/2007/jan/physics/article_view?b_start:int=1 Stone, Alex. The Top 6 Physics Stories of 2006, Discover Magazine, 04-03-2007
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Livermore press release about discovery เก็บถาวร 2008-09-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- WebElements.com
- Apsidium.com เก็บถาวร 2008-09-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Reuters/ABC News 16 ตุลาคม 2006